ครบรอบ 9 ปี หลังโลกสูญเสีย ‘David Bowie’ ตัวพ่อแห่ง ‘Modern Androgyny’ ผู้ปลดแอกอิสรภาพและข้ามพ้นเรื่องเพศ
- Theeranai S.
- 13 ม.ค.
- ยาว 1 นาที

“I find only freedom in the realms of eccentricity.” - David Bowie
.
8 มกราคม 1947 คือวันที่ดวงดาวถือกำเนิด
10 มกราคม 2016 คือวันที่เขาถูกประทับในใจแฟนเพลงตลอดกาล
.
หากจะพูดถึงศิลปินในยุคบุปผาชนหรือ 70s ที่ขับเคลื่อนการแหกขนบทางดนตรี ศิลปะ ทลายกรอบเรื่องเพศ และมองหาอิสรภาพจากสุนทรียศิลป์ที่ล้ำยุค ‘เดวิด โบอี’ (David Bowie) คือหนึ่งในชื่อศิลปินที่ผุดขึ้นมาอย่างแน่นอน เขาคือบุรุษนัยน์ตาสองสีผู้มาจากดวงดาว ร็อกสตาร์ผู้ทะลวงบรรทัดฐานและความคาดหวังทางสังคม โดยเฉพาะบทบาท ‘Ziggy Stardust’ หนึ่งในอีกหลายตัวตน (Alter Ego) และบทบาทสุดทึ่งที่โบอีใช้แสดงออกต่อหน้าสาธารณะและโลกดนตรีแกลมร็อกที่ทรงพลัง พร้อมกับไอคอนิกลุคที่แหกขนบความเป็นชายและความเป็นหญิง จนเกิดเป็นแรงบันดาลใจในสไตล์การแต่งตัวที่เรียกว่า ‘แอนโดรจีนัส’ (Androgynous)
.
‘Androgynous Fashion’ คือการตีความการแต่งตัวและความสวยงามให้พ้นไปจากเรื่องเพศ ซึ่งเดวิด โบอี คือหนึ่งในศิลปินที่มีภาพลักษณ์แอนโดรจีนัสสุดไอคอนนิคและมีอิทธิพลต่อหมู่มวล LGBTQ+ เป็นอย่างมาก ‘Ziggy Stardust’ คือหนึ่งบทบาทที่รันวงการแอนโดรจีนัสด้วยลุคสีสันฉูดฉาด ลิปสติกสีสด กรีดอายไลเนอร์พร้อมอายแชโดว์สีฟ้า และไว้ผมทรงรากไทรหรือมัลเล็ตสีแดง ซึ่งโบอีพยายามนำเสนอการแต่งตัวที่ถอดความเป็นเพศออกจากแฟชั่น หรืออีกนัยหนึ่ง เขาได้ใช้ความสวยงามที่พ้นไปจากเรื่องเพศผสานให้เป็นแฟชั่นและอัตลักษณ์ของตน กลายเป็นรากฐานของ ‘Modern Androgyny’ หรือผู้ที่มองข้ามขนบความเป็นชายและหญิง
.
โบอีประสบความสำเร็จในการถ่ายทอด ‘Queer Culture’ ผ่านการแต่งตัวข้ามเพศบนสเตจอย่างเปิดเผย เพื่อต่อต้านกรอบบทบาททางเพศและบรรทัดฐานทางสังคม หรือที่เรียกว่า ‘Cross-dressing’ และกลายเป็นต้นแบบของแรงบันดาลใจสำหรับคำว่า ‘Androgynous’ ด้วยการแต่งตัวที่ล้ำยุค ไม่มีข้อจำกัดว่ามันเป็นเสื้อผ้าของชายหรือหญิง โฟกัสไปที่การใช้สีสันและรูปทรง เช่น การเขียนขอบตา ‘Graphic Eyeliner’ หรือการเขียนอายไลเนอร์ให้โดดเด่น วาดเป็นรูปทรงเรขาคณิต หรือเลือกตำแหน่งที่วาดให้ท้าทายและหลุดจากกรอบเดิม ๆ
ก่อนหน้าที่เดวิด โบอีจะกลายเป็นศิลปิน เขาเริ่มตั้งคำถามกับสภาวะสังคมและบทบาททางเพศที่กรอบเขาแม้กระทั่งวิธีการไว้ทรงผม ตลอดเส้นทางดนตรีของเขา เดวิด โบอี แสดงออกให้เห็นชัดเจนว่า ศิลปะในปี 1964 เด็กหนุ่มนามเดวิด โรเบิร์ต โจนส์ (David Robert Jones) ซึ่งเป็นชื่อก่อนเป็นศิลปินของเขา ได้มีโอกาสปรากฏตัวบนหน้าจอโทรทัศน์ในนามตัวแทนกลุ่ม “Society for the Prevention of Cruelty to Long-Haired Men” ที่เรียกร้องให้ผู้ชายไว้ผมยาวได้ และตั้งคำถามถึงบรรทัดฐานทางเพศที่เคยครอบงำเราไว้แม้กระทั่งสไตล์และทรงผมซึ่งเป็นเรื่องปัจเจกชนอย่างมาก
.
‘แอนโดรจีนัส’ กลายเป็นที่นิยมในผู้ที่แต่งตัวแบบไร้กรอบเพศ รวมไปถึงผู้ที่ไม่ได้มีอัตลักษณ์เช่นนั้นแต่มีความสนใจในแฟชั่นแบบแอนโดรจีนัส อีกทั้งยังขับเคลื่อนสู่บทสนทนาในประเด็นสิทธิทางกฎหมายของกลุ่ม LQBTQ+ ให้ถูกนำเสนอต่อสาธารณะ ในปี 1972 อัลบั้ม “Ziggy Stardust” ได้รับการยกย่องเป็นอย่างมากด้วยลุคผมสีแดง ชุดรัดรูปลายทาง เกิดเป็นเทรนด์ใหม่ที่ผู้ชายเริ่มสวมเดรสหรือกระโปรง ไว้ผมทรงมัลเล็ท แต่งหน้า ทาเล็บ ในขณะที่ผู้หญิงหันมาสวมสปอร์ตแจ็คเก็ต กางเกงคาร์โกขาสั้น และกรีดอายไลเนอร์หนา ๆ
.
ในปีเดียวกันนั้นเอง ซึ่งเป็นเวลาห้าปีให้หลังที่คำว่า ‘เกย์’ ไม่ถูกจัดเป็นอาชญากรรมในอังกฤษอีกต่อไป
โบอีจึงประกาศตนกับนักข่าวว่าเขาเป็นเกย์ และในปี 1974 เขาประกาศอีกครั้งว่าเป็นไบเซกชวล จนกระทั่งภายหลัง เขากลับประกาศให้โลกรู้ว่าตนเองมีรสนิยมรักต่างเพศมาโดยตลอด ถึงกระนั้น เหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่เคยให้คำอธิบายอย่างชัดเจนสักครั้งว่าตนเองมีเพศอัตลักษณ์แบบใดกันแน่ เอาเข้าจริง เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในวิธีการมองโลกของเดวิด โบอี สิ่งที่เขาอยากนำเสนอจริง ๆ คือวิถีแห่งการแหกขนบทางศิลปะและดนตรี เพื่ออิสรภาพและสุนทรียศาสตร์เสียมากกว่า
.
และแฟชั่นไม่มีเส้นแบ่งเรื่องเพศ การปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะของเขา มักจะรวมเอาองค์ประกอบของทั้งความเป็นชายและความเป็นผู้หญิงเข้าไว้ด้วยกัน การคิดค้นและนำเสนอสิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องของโบอีเป็นแรงบันดาลใจในการสำรวจเรื่องเพศ และอัตลักษณ์ของตนเองให้กับผู้คนและศิลปินจำนวนมาก ดีไซน์เนอร์และผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ร่วมของ Prada อย่างราฟ ซิมอนส์ (Raf Simons) กล่าวถึงโบอีไว้ว่า
.
“เดวิด โบอีเป็นกิ้งก่าที่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ แต่เขาเป็นมากกว่ามนุษย์ เขาคือคอนเซ็ปต์”
.
เดวิด โบอี กลายเป็นสัญลักษณ์ของการปลดปล่อยสำหรับหลาย ๆ คนที่รู้สึกว่าถูกจำกัดด้วยความคาดหวังทางเพศแบบเดิม การเปิดกว้างของโบอีและการแสดงออกผ่าน ‘Queer Culture’ ทำให้เขากลายเป็นไอคอนในกลุ่ม LGBTQ+ มากมาย และเป็นดั่งตัวแทนในช่วงเวลาที่ประเด็นเรื่องเพศยังเป็นเรื่องต้องห้าม
.
อิทธิพลที่เดวิด โบอี ได้ปูทางไว้ให้ ยังคงแข็งแกร่งในวัฒนธรรมร่วมสมัย โบอีไม่เพียงแต่เปลี่ยนอุตสาหกรรมดนตรีและแฟชั่นเท่านั้น แต่ยังมีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในวงกว้าง เกี่ยวกับการแสดงออกในอัตลักษณ์ที่ขัดกับกรอบทางสังคม โบอีได้ปลดแอกอิสรภาพให้กับคนรุ่นต่อ ๆ ไปให้กล้าที่จะแสดงออกอย่างเป็นอิสระ ท้าทายความคาดหวังและบรรทัดฐานที่เคยมีไม่มากก็น้อย
.
“But he’s also the materialization of something else. More than a man — an idea.”
.
เรื่อง: Theeranai S.
.
ที่มา:
.
.
Comments