เชื่อว่าหลังจากนี้ทุกๆ วันที่ 16 เมษายน จะกลายเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์บรอดเวย์อย่างแน่นอน เพราะถือเป็นวันเปิดการแสดงรอบสุดท้ายของ “The Phantom of the Opera” ละครเวทีที่อยู่คู่บ้านคู่บรอดเวย์มานานแสนนาน และถูกยอมรับว่าเป็นอีกหนึ่งละครเพลงที่ประสบความสำเร็จที่สุดของโลกเลยก็ว่าได้
ตลอดระยะ 35 ปีที่ผ่านมา โปรดักชั่นออริจินัลของ Phantom เปิดการแสดงต่อเนื่องมายาวนานถึง 13,981 รอบการแสดง และได้มอบความตะการตาใจให้กับผู้ชมที่นิวยอร์คมาแล้วกว่า 20 ล้านคน สร้างรายได้มากถึง 1.36 พันล้านเหรียญฯ และยังสร้างอาชีพให้กับคนทำงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังกว่า 6,500 คนเลยทีเดียว
สำหรับการแสดงรอบสุดท้ายในช่วงเย็นของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นรอบปิด ไม่มีการเปิดขายบัตร (แต่มีผู้ชมทั่วไปบางส่วนเข้าชมได้ เนื่องจากเป็นผู้โชคดีที่ได้บัตรมาด้วยวิธีการล็อตเตอรี่)
ทางผู้จัดได้เชิญคนดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงในตำนานอย่าง Glenn Close, Sara Bareilles, นักแต่งเพลง Jason Robert Brown และผู้สร้างคนดังแห่งยุคอย่าง Lin-Manuel Miranda
นอกจากนี้ ยังมีการเชิญนักแสดงและทีมงานที่เคยมีส่วนร่วมกับ Phantom มาร่วมเป็นเป็นผู้ชมรอบสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็น Howard McGillan นักแสดงผู้รับบทเป็น Phantom จำนวนรอบมากที่สุด (2,500 รอบในเวลา 7 ปี), Sierra Boggess นักแสดงสาวผู้ทำให้บทบาทนางเอกอย่าง Christine กลายเป็นที่พูดถึงในช่วงปีหลังๆ และแน่นอนว่าผู้ให้กำเนิดบทบาทนี้อย่าง Sarah Brightman ก็มาร่วมชม และได้ขึ้นเวทีไปกล่าวกล่าวอำลาโปรดักชั่นนี้อย่างสุดซึ้งด้วยเช่นกัน
น่าเสียดายที่ Michael Crawford เจ้าของบท Phantom คนแรกไม่สามารถมาร่วมงานได้ เนื่องจากป่วยกระทันหัน (แต่เขาก็ได้ออกโพสต์แสดงความรู้สึกผ่านทางโซเชียลในภายหลัง) เช่นเดียวกับ Ramin Karimloo ผู้รับบท Phantom จากโปรดักชั่นฉลองครบรอบ 25 ปีที่ Royal Albert Hall ก็ไม่ได้มาร่วมงานด้วยเช่นกัน เนื่องจาก Ramin ยังต้องขึ้นแสดงละครเพลง Funny Girl ที่โรงละคร August Wilson ซึ่งห่างจากโรงละคร Majestic สถานที่จัดงานในครั้งนี้เพียงแค่ 8 ซอยเท่านั้น
อีกหนึ่งคนที่พลาดงานนี้ไปอย่างน่าเสียดายก็คือ Ben Crawford นักแสดงผู้อยู่คู่กับโปรดักชั่นนี้ตั้งแต่ปี 2018 แถมจริงๆ พี่แกจะต้องขึ้นเล่นเป็น Phantom ในค่ำคืนสุดท้ายนี้ด้วย! แต่โชคร้ายที่เขาดันมาติดเชื้อแบคทีเรียในลำคอเสียก่อน และคุณหมอก็สั่งให้เขาพักใช้เสียง Vocal Rest แบบยาวๆ จนไม่สามารถหายทันขึ้นเล่นรอบสุดท้าย ก็เลยทำให้ทางโปรดักชั่นตัดสินใจติดต่อให้ Laird MacIntosh ขึ้นแสดงในฐานะ Emergency Cover ประกบคู่กับ Emily Kouatchou นักแสดงผิวสีคนแรกที่ได้นำแสดงในบท Christine ของบรอดเวย์ (ซึ่งเธอได้รับเสียงปรบมือ Standing Ovation ยาวนานหลายนาที)
เอาจริงๆ นี่ก็ถือเป็นโมเม้นต์ประวัติศาสตร์อีกอย่างนึงของรอบนี้เลยนะครับ เพราะคุณ Laird เนี่ย แกอยู่กับโปรดักชั่น Phantom มาตั้งแต่ปี 1993 (ที่แคนาดา) นำแสดงมาแล้วหลายบทบาท ไม่ว่าจะเป็นบท Raoul คนรักของ Christine, บท Andre ผู้จัดการโรงละคร Paris Populaire อีกทั้งยังเคยนำแสดงเป็น Phantom ทั้งตัวหลักและในฐานะ Understudy รวมกันกว่า 200 รอบ
แถมก่อนหน้านี้ไม่นาน คุณ Laird แกก็ได้มาแสดงเป็น Phantom ในรอบการกุศลวันที่ 14 และรอบสุดท้ายสำหรับผู้ชมทั่วไปในวันที่ 15 เมษายน ที่ผ่านมาด้วยนะ
การแสดงในรอบสุดท้ายเริ่มสายไปเล็กน้อย (เริ่มแสดงตอน 17:22 น.) และจากที่ปกติเล่นด้วยยาว 2 ชั่วโมงครึ่ง ก็ลากยาวไปถึง 3 ชั่วโมงเศษเลยทีเดียว (จบเกือบสามทุ่ม) เนื่องจากผู้ชมมอบเสียงปรบมือให้กับหลายๆ โมเมนต์สำคัญของเรื่องอย่างยาวนาน
ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่โคมไฟแชนเดอเลียร์ถูกยกจากเวทีขึ้นสู่เพดานโรงละครในฉากแรก, ฉากที่ Phantom พา Christine ลงเรือสู่ห้องใต้ดินในเพลง The Phantom of the Opera และตอนจบเพลงสำคัญของ Christine อย่าง Wishing You Were Somehow Here Again เป็นต้น
หลังจากที่การแสดงจบลง นักแสดงและทีมผู้สร้างก็ได้ขึ้นมารวมตัวกันบนเวที โดยมีผู้ประพันธ์เพลงอย่าง Andrew Lloyd Webber และโปรดิวเซอร์ Cameron McIntosh เป็นผู้นำกล่าวคำขอบคุณผู้ชมและคนทำงานทุกคน ที่ทำให้ The Phantom of the Opera ส่งมอบความสุขให้กับผู้คนทั่วโลกมายาวนานกว่า 35 ปี
Andrew ยังได้กล่าวรำลึกถึงเหล่าผู้สร้างที่ล่วงลับไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนักออกแบบฉาก Maria Björnson, นักออกแบบท่าเต้น Gillian Lynne และคนสำคัญที่สุดอย่างผู้กำกับ Harold Prince ซึ่งเป็นผู้ที่ทำให้ The Phantom of the Opera มีรูปร่างหน้าตาแบบที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน แถมยังพูดทิ้งท้ายบนเวทีด้วยว่า นี่จะเป็นผลงานกำกับของ Harold Prince บนเวทีบรอดเวย์แบบออริจินัลเป็นครั้งสุดท้าย ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากจริงๆ ครับ
การกล่าวอำลาจบลงด้วยการให้นักแสดง ทีมงาน และนักดนตรีทุกคนที่ร่วมทำการแสดงในแต่ละรอบ (ทั้งหมดร่วม 125 คน) มาร่วมกันร้องและบรรเลงเพลง “The Music Of The Night” พร้อมกับวีดีโอรวมภาพนักแสดง 16 คนที่เคยรับบทเป็น Phantom และ 37 นักแสดงสาวที่เคยรับบทเป็น Christine เป็นการปิดท้ายค่ำคืน นำทัพโดย David Caddick วาทยกรผู้ควบคุมดนตรีในรอบนี้ ซึ่งเขาคนนี้ยังเป็น Music Director ให้กับ Phantom ตั้งแต่รอบอ่านบททดลองในปี 1984 อีกด้วย
ก็ปิดตำนานไปแล้วนะครับ สำหรับออริจินัลโปรดักชั่นของ The Phantom Of The Opera
ที่ต้องบอกแบบนี้ก็เพราะว่าคุณ Cameron McIntosh เค้าเคยตอบคำถามกับสื่อว่านี่อาจจะไม่ใช่จุดจบถาวรของ Phantom ที่บรอดเวย์ และก็แอบบอกใบ้มาแล้วด้วยว่าละครอาจจะกลับมาอีกครั้งเร็วๆ นี้
ก็เหมือนกับที่ทุกคนคาดการณ์เอาไว้นั่นแหละครับ กรณีนี้อาจจะคล้ายกับโปรดักชั่นที่ลอนดอน ละครอาจจะกลับมาอีกครั้งในรูปแบบที่ ‘คล้าย’ กับโปรดักชั่นคล้ายเดิม เพียงแต่จะมีจำนวนนักดนตรีที่น้อยลงกว่าครึ่ง และอาจมาพร้อมการกำกับที่ต่างออกไป
นอกจากนี้ เราก็ยังต้องตามข่าวกันด้วยว่าชื่อของโรงละครจะมีการเปลี่ยนจาก Majestic Theatre เป็น Harold Prince Theatre ตามที่นักแสดงและชาวบรอดเวย์ร่วมกันรณรงค์ เพื่อเป็นเกียรติให้กับสุดยอดผู้กำกับละครเพลงแห่งยุคหรือเปล่า
สำหรับผมเชื่อแบบสนิทใจเลยครับว่านี่ไม่ใช่จุดจบของละครบรอดเวย์เรื่องนี้แน่ๆ ยิ่งตอนนี้มีข่าวลือหนาหูด้วยว่าทาง Cameron มีการเซ็นสัญญากับโรงละคร ให้ Phantom กลับมาเปิดแสดงอีกครั้งในซีซั่น 2024-2025 เป็นที่เรียบร้อย โดยละครจะกลับมาเปิดเล่น ณ โรงละครเดิม ซึ่งจะถูกซ่อมแซมเพื่อรองรับ Phantom โปรดักชั่นใหม่ที่ว่านี้นั่นเอง
เอาเป็นว่าถ้ามีอัพเดทเพิ่มเติมหลังจากนี้ Broadway Boy จะรีบนำมารายงานให้ฟังกันแน่นอนครับ ฝากติดตามคอนเทนต์ต่อๆ ไปด้วยน้าาา
เรื่อง: Broadway Boy
Comments