เคยได้ยินคำพูดที่ว่า ‘นักเขียนที่ดีต้องอ่านหนังสือให้มากฉันใด นักแสดงก็ต้องดูหนัง ดูละครให้มากฉันนั้น’ ไหม? หากเคย แล้วทุกคนเห็นด้วยกับคำพูดนี้มากแค่ไหน?
.
เพื่อให้มีข้อมูล เทคนิค และ reference ติดตัวเสมอ และเพื่อเติมเต็มแรงบันดาลใจ ศิลปินในทุกแขนงมักให้คำแนะนำแก่กันว่า ไม่ว่าศิลปะที่คุณทำอยู่จะเป็นแขนงไหน จงเสพงานทั้งที่เป็น art form ของตัวเองให้มาก ตั้งแต่งานเก่าๆ ไล่เรียงมาจนถึงชิ้นงานที่ร่วมสมัยขึ้น
.
บรรดาคนกองเองก็เช่นกัน ไม่ว่าจะผู้กำกับ คนเขียนบท หรือนักแสดง หากเป็นคนที่ขึ้นชื่อว่ามากฝีมือ พวกเขาก็มักจะมาเฉลยให้เรารู้ทีหลังว่าเบื้องหลังความสำเร็จนี้ คือภูมิความรู้ที่กว้างไกลที่ได้จากการศึกษาผลงานและความสำเร็จของผู้อื่นมาก่อน
.
แต่ถ้าหากว่านักแสดงยุคใหม่ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ล่ะ? หากพวกเขาไม่ชอบดูหนัง และไม่คิดว่าการดูหนังเป็นเรื่องจำเป็นขนาดนั้น ทุกคนคิดว่าลำพังแค่การเข้าคลาสการแสดง จะทำให้พวกเขาเป็นนักแสดงที่ดีได้ไหม?
.
เมื่อเร็วๆ นี้ วิโนนา ไรเดอร์ (Winona Ryder) เพิ่งให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Variety เกี่ยวกับความตกใจของเธอที่ได้รู้ว่านักแสดงรุ่นใหม่หลายคนที่เป็นเพื่อนร่วมงานของเธอ ไม่สนใจและไม่ชอบดูหนังเลย ในฐานะนักแสดงคนหนึ่งที่เป็น cinephile เธอรู้สึกเสียดายแทนเด็กๆ เหล่านี้อย่างมาก
.
“ฉันไม่อยากพูดอะไรที่มันดูสิ้นหวังนักหรอกนะคะ แต่บางคนก็ไม่สนใจจะดูหนังเลยจริงๆ สิ่งแรกที่พวกเขาจะถามคือ ‘หนังยาวขนาดไหน?’ … ฉันรู้สึกว่าโซเชียลมีเดียเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดเลย รู้นะว่าพูดแบบนี้แล้วฟังดูแก่ … แต่ฉันแค่คิดว่ามันมีอะไรให้เรียนรู้มากมาย ทั้งประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ ประวัติศาสตร์การถ่ายภาพ ซึ่งรุ่มรวยและน่าเรียนรู้มาก ฉันไม่ได้หมายความว่าเราควรทำตัวล้าสมัย แต่ฉันหวังว่าคนรุ่นถัดไปจะศึกษาสิ่งเหล่านี้ค่ะ” วิโนนากล่าว
.
แม้จะไม่ได้มีการเอ่ยชื่อนักแสดงคนไหน แต่ปรากฏว่าชาวเน็ตตั้งข้อสงสัยทันทีว่าวิโนนาหมายถึงสาวมิลลี บ็อบบี บราวน์ (Millie Bobby Brown) วัย 20 ปีที่ นักแสดงนำของซีรีส์ Stranger Things ที่วิโนนาร่วมแสดง เพราะมิลลีเองก็เคยให้สัมภาษณ์ออกสื่อเรื่องนี้ด้วย wording เดียวกันเป๊ะๆ
.
“ฉันไม่ชอบดูหนังค่ะ หลายคนเข้ามาบอกฉันว่า ‘เธอควรดูเรื่องนี้มากๆ เลยนะ มันจะเปลี่ยนชีวิตเธอไปเลย’ ฉันก็แบบ ‘แล้วฉันต้องนั่งดูอยู่อย่างนั้นนานเท่าไหร่ล่ะ’ เพราะฉันบังคับสมองตัวเองให้ดูหนังที่ตัวเองเล่นไม่ได้ด้วยซ้ำค่ะ” มิลลีว่า
.
แน่นอนว่ามิลลีไม่ใช่คนแรกที่ออกตัวว่าทนดูหนังที่ตัวเองเล่นไม่ไหว (แทบจะกล่าวได้ว่านักแสดงครึ่งวงการเคยให้สัมภาษณ์แบบเดียวกัน) แต่น้อยมากที่นักแสดงจะถึงขั้นออกตัวว่าไม่ดูหนังเลยอย่างที่มิลลีบอก
.
แม้ปฏิกิริยาของชาวเน็ตบางส่วนจะเป็นไปในทางลบ แต่บทความนี้ไม่ได้เขียนขึ้นเพื่อสร้าง hate train ให้กับมิลลี หรอตั้งข้อสงสัยว่าวิโนนากับมิลลีเกาเหลากันหรือเปล่า ตัวผู้เขียนเองมีโอกาสได้ชมงานแสดงของมิลลีมาตั้งแต่ Stranger Things ซีซันแรกๆ เห็นอยู่ตลอดว่าบทบาทที่มิลลีได้รับหลังจากเป็นที่รู้จักแล้วในช่วงอายุ 10 กว่าๆ ก็ยังสามารถแสดงให้เห็นถึง star quality ของเธออยู่บ้าง ทั้งยังคิดว่าเมื่อผ่าน phase ดาราวัยรุ่นไปแล้ว เธอก็อาจจะเป็นนักแสดงผู้ใหญ่ที่มีโพเทนเชียลจะเติบโตและพัฒนาฝีมือได้อีก
.
แต่เนื่องจากผู้เขียนเดาเอาว่า คงไม่ได้มีเพียงมิลลีคนเดียวที่รู้สึกเช่นนี้ในฐานะนักแสดง ดีไม่ดีไม่ใช่แค่คนรุ่นใหม่ๆ ด้วย แต่คาดว่าคงมีคนรุ่นก่อนๆ หลายคนที่รู้สึกแบบเดียวกันแต่ไม่เคยแสดงออก จึงอยากชวนชาวเพจคุยถึงประเด็นที่ว่า …
.
หากนักแสดงไม่เสพสื่อจากอุตสาหกรรมบันเทิงที่ตัวเองทำมาหากินอยู่เลย นักแสดงคนนั้นจะพัฒนาฝีมือไปได้ไกลเท่ากับนักแสดงอีกคนที่รอบรู้กว่า อีกทั้งหมั่นค้นหาและศึกษาชิ้นงานที่ตัวเองไม่คุ้นเคยอยู่เสมอไหม? หรือจริงๆ แล้ว การเป็นนักแสดงที่ดีอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องนี้เลย?
.
เรื่อง: Bloomsbury Girl
.
ที่มา:
.
Comments