ยอมรับและเติบโตไปด้วยกัน สำรวจเส้นทางแอนิเมชันของเล่นในตำนานครบรอบ 30 ปี ‘Toy Story’
- Phakkearth
- 23 มิ.ย.
- ยาว 2 นาที

“ก็นายมีฉันเป็นเพื่อน จะเป็นเสมือนคู่ใจ”
.
ท่อนเพลงสุดไอคอนิกจากแฟรนไชส์แอนิเมชันขวัญใจวัยเด็กที่ใครหลายคนโตมาด้วย อย่าง ‘Toy Story’ ซึ่งตอนนี้ก็อยู่กับเรามาถึง 4 ภาคแล้ว และล่าสุดได้มีประกาศสร้างภาคใหม่ในงาน D23 เป็นที่เรียบร้อย เรียกได้ว่าเป็นแอนิเมชันที่มีประวัติศาสตร์กับผู้ชมอย่างยาวนาน โดยการผจญภัยของแก๊งค์ของเล่น คาวบอย นักบินอวกาศ และอื่น ๆ อีกมากโผ เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 1995 เป็นภาพยนตร์แอนิเมชัน CGI เต็มเรื่องแรกของโลก ถือเป็นการปฏิวัติวงการแอนิเมชันในเวลานั้น
.
จนเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แอนิเมชันก็มีอายุครบรอบ 30 ปี เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก จากภาคแรกที่หลาย ๆ คนเคยรับชมในวัยเด็ก พอมาตอนนี้ผู้ชมหลายคนก็เติบโตขึ้นไม่น้อยแล้ว แต่จริง ๆ ก็ไม่ได้มีแค่ผู้ชมเท่านั้นที่เติบโต ยังมีทั้งตัวละคร เนื้อเรื่อง และแฟรนไชส์ ที่เติบโตไปพร้อมกับเราอีกด้วย วันนี้คอลัมน์ Behind The Scenes อยากพาผู้อ่านทุกคนมาสำรวจการเดินทางจากจุดเริ่มต้นมาถึงวันนี้ มีอะไรที่เติบโตและเปลี่ยนแปลงไปบ้างพร้อมกับแฟน ๆ ใน Toy Story แต่ละภาค เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการครบรอบของแฟรนไชส์ที่เรารัก
.
(บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์)
.
• การยอมรับการเปลี่ยนแปลงเพื่อเดินหน้าต่อ Toy Story 1 (1995) •
.
ย้อนกลับไป Toy Story ภาคแรก เล่าเรื่องราวของ แก๊งของเล่นในห้องของแอนดี้ที่เกิดมีชีวิตและออกมาโล่ดแล่นทุกครั้งที่เขาไม่อยู่ห้อง โดยมี ‘วู้ดดี้’ ตุ๊กตาคาวบอยเป็นผู้นำของเล่น วันหนึ่งวู้ดดี้ต้องเผชิญหน้ากับของเล่นใหม่อย่าง ‘บัซ ไลท์เยียร์’ ตุ๊กตานักบินอวกาศสุดล้ำที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเพียงของเล่น ซึ่งแย่งความสนใจจากวู้ดดี้ไป ทำให้ทั้งสองเริ่มขัดแย้งกัน ก่อนจะต้องร่วมมือกันผ่านอุปสรรคและเรียนรู้ที่จะเป็นเพื่อนรักกันในท้ายที่สุด
.
จากเรื่องราวในภาคแรก จะเห็นได้ว่าตัวละครมีการเติบโตขึ้น ทั้งวู้ดดี้ที่ยอมรับว่า ตัวเองไม่สามารถเป็นที่หนึ่งได้ตลอด และบัซที่ยอมรับว่า จริง ๆ ตัวเองเป็นแค่ของเล่น ไม่ใช่นักบินอวกาศ และทั้งสองเลือกที่จะร่วมมือกันเอาชนะปัญหา จึงสรุปได้ว่า ภาคแรกคือเรื่องราว ‘การยอมรับการเปลี่ยนแปลงเพื่อเดินหน้าต่อ’ ซึ่งทำให้ผู้ชมประทับใจและเรียนรู้ประเด็นจากของเล่นได้มาก โดยเฉพาะเรื่องของ ‘การยอมรับและเติบโต’ ที่เป็นแก่นหลัก
.
• การยอมรับอดีตเพื่อเดินหน้าต่อ Toy Story 2 (1999) •
.
หลังจากความสำเร็จทางคำวิจารณ์และรายได้ ภาคสองจึงตามมาทันควัน เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อวู้ดดี้ถูกลักพาตัวโดยนักสะสมของเล่นเพื่อจะนำไปขายให้พิพิธภัณฑ์ เพื่อน ๆ ของเขาจึงต้องออกตามช่วยเหลือ ระหว่างนั้นวู้ดดี้ก็ได้พบกับกลุ่มของเล่นคาวบอยจากคอลเล็กชันหายากชุดเดียวกัน วู้ดดี้จึงต้องตัดสินใจ ระหว่างกลับไปอยู่ที่บ้านกับแอนดี้และผองเพื่อน หรือไปอยู่ที่พิพิธภัณฑ์กับของเล่นหายากคอลเล็กชันชุดเดียวกัน สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเลือกกลับมาอยู่กับเพื่อน ๆ และคนที่เขารักที่บ้านต่อไป
.
ภาคนี้ยังคงมีแก่นหลักเรื่องการยอมรับเหมือนภาคแรก แต่เป็นแก่นเรื่องที่มีการเติบโตขึ้น เพราะภาคนี้ตัวละครไม่ได้แค่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น แต่เป็น ‘การยอมรับอดีตเพื่อเดินหน้าต่อ’ เช่น วู้ดดี้ยอมรับว่า ตัวเองเป็นของเล่นแอนดี้ ถึงแม้จะมีรากเหง้าเป็นถึงของเล่นหายากก็ตาม หรือ ‘เจสซี่’ ตัวละครคาวเกิร์ลหญิงแกร่ง ก็ยอมรับอดีตการกลัวถูกทิ้งของตัวเอง จนในที่สุดก็เชื่อว่าตัวเองมีค่าและกล้าพอที่จะเสี่ยงเพื่อรักครั้งใหม่ ทำให้ผู้ชมยิ่งรักแฟรนไชส์นี้เข้าไปอีก จากแก่นสารที่เล่าได้โตและลึกซึ้งยิ่งขึ้น
.
• การยอมรับการจากลาเพื่อเดินหน้าต่อ Toy Story 3 (2010) •
.
เวลาผ่านไปราว 10 ปี Toy Story ก็ถูกหยิบมาเล่าอีกครั้ง ในครั้งนี้ แอนดี้กำลังเตรียมตัวย้ายไปเรียนมหาลัย ทำให้ของเล่นทั้งหมดของเขาถูกแม่เก็บไว้ในกล่อง และเกิดจับฉ่ายจับผูไปโผล่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กโดยบังเอิญ ที่ซึ่งพวกเขาต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหม่ เพราะว่ามีแก๊งของเล่นเจ้าถิ่นรอต้อนรับ ท้ายที่สุดพวกเขาก็หนีกลับมาได้ และถูกแอนดี้ส่งไม้ต่อให้กับเจ้าของใหม่ในตอนจบ
.
เช่นเดียวกับสองภาคที่ผ่านมา ภาคนี้โฟกัสประเด็นเรื่องการยอมรับในสเกลที่โตขึ้นไปอีก ว่าด้วยการที่แอนดี้ต้องย้ายไปใช้ชีวิตที่มหาลัย เขาเลยยกของเล่นที่เขารักทั้งหมดให้กับ ‘บอนนี่’ เด็กสาวที่เขารู้จักเพื่อให้เธอได้เล่นและดูแลต่อ ของเล่นทุกชิ้นจึงได้เรียนรู้ถึง ‘การยอมรับการจากลาเพื่อเดินหน้าต่อ’ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็ก ทำให้พวกเขาเข้าใจถึงธรรมชาติของเด็กทุกคนที่จะต้องเติบโตและไปใช้ชีวิตของตัวเอง และเข้าใจว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือ การที่ผองเพื่อนของเล่นยังอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา
.
เนื้อหาภาคนี้ทำงานกับผู้ชมได้ดีเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชมที่ติดตามแฟรนไชส์มาตั้งแต่แรก เพราะส่วนมากผู้ชมกลุ่มนี้ล้วนถึงวัยที่ต้องบอกลาของเล่นตัวเองกันแล้ว การได้ชมภาคนี้ทำให้พวกเขาเองไม่ได้รู้สึกต่างอะไรไปจากแอนดี้ที่ต้องอำลาของเล่นและแฟรนไชส์ไปเติบโตแล้วใช้ชีวิตต่อ และถึงแม้เนื้อเรื่องในภาคสามนี้จะดูเหมือนกับการปิดตำนานแฟรนไชส์ Toy Story อย่างสมบูรณ์ แต่จริง ๆ แล้วนี่เป็นเพียงแค่การปิดไตรภาคเท่านั้น
.
• การยอมรับการปล่อยวางเพื่อเริ่มต้นใหม่ Toy Story 4 (2019) •
.
นับได้ว่าเป็นเซอร์ไพรส์ใหญ่ของ Disney และ Pixar หลังจากหยิบ Toy Story ให้กลับมาเฉิดฉายอีกครั้งในภาค 4 ทีมสร้างเผยว่า ถึงแม้ภาคที่แล้วจะเป็นการปิดไตรภาคของแอนดี้ไป แต่เรื่องราวของวู้ดดี้ยังไม่จบลง เนื้อหาในภาคนี้เล่าเรื่องราวของ วู้ดดี้ที่ต้องคอยปกป้อง ‘ฟอร์คกี้’ ของเล่นใหม่ที่ไม่อยากเป็นของเล่น ระหว่างทางเขาได้พบ ‘โบ พีพ’ อดีตเพื่อนรักที่ออกไปใช้ชีวิตอิสระ ทำให้วู้ดดี้เริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง จนสุดท้ายเขาตัดสินใจแยกทางกับเพื่อน ๆ และเลือกไปมีชีวิตใหม่โดยไม่ต้องมีเจ้าของอีกต่อไป
.
สำหรับภาคนี้ ได้พาผู้ชมกลับมาสำรวจประเด็นเรื่องการยอมรับอีกครั้ง และยังคงเป็นการเล่าที่โตขึ้นอีกเหมือนเดิม เพราะการที่วู้ดดี้ได้อยู่กับฟอร์คกี้และพบโบพีพอีกครั้งในภาคนี้ ทำให้วู้ดดี้เลือกตัดสินใจที่จะไปใช้ชีวิตใหม่และไม่ยึดติดกับคุณค่าหรือภาระหน้าที่ของตัวเอง ภาคนี้จึงเรียกได้ว่าเป็น ‘การยอมรับการปล่อยวางเพื่อเริ่มต้นใหม่’ ถือเป็นการเติบโตอีกขั้นของตัวละคร แฟรนไชส์ และผู้ชม ที่สำคัญคือ การกลับมาของภาคนี้สามารถคลายความคิดถึงของแฟน ๆ จากโมเมนท์มิตรภาพน่ารัก ๆ ในเรื่องได้เป็นอย่างดี ราวกับการย้อนคืนวัยเด็กกลับมาสู่หน้าจออีกครั้ง พร้อมไปด้วยการร่วมยินดีกับจุดเริ่มต้นสุดกล้าหาญครั้งใหม่ของวู้ดดี้และการโตขึ้นไปอีกของผู้ชม
.
จากการเดินทางทั้งหมดนี้ของแฟรนไชส์ Toy Story จะเห็นได้ว่า ทุกภาคมีธีมหลักที่พูดถึง ‘การยอมรับและเติบโต’ เสมอ ซึ่งเป็นแก่นที่ทำให้ทั้งตัวละครและแฟน ๆ อย่างเราได้เรียนรู้ ผูกพัน และเติบโตไปด้วยกัน ถือเป็นแอนิเมชันที่เป็นมิตรกับทุกช่วงวัย จนปีนี้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 แล้วที่แฟรนไชส์ยังอยู่กับเรา มีทั้งคอมมู สินค้า สวนสนุก และหนังสั้นสปินออฟอีกหลายภาค ซึ่งการแฟรนไชส์อยู่มาได้นานขนาดนี้ก็เพราะ ‘ทุกคนล้วนต่างเคยมีวัยเด็ก’ แอนิเมชันของเล่นในตำนานเรื่องนี้จึงมีชีวิตได้ไม่ยาก
.
สุดท้ายนี้ สำหรับใครที่ผูกพันหรือคิดถึงแฟรนไชส์ Toy Story อยู่ เราขอชวนมาร่วมฉลองครบรอบ 30 ปีของ Toy Story ไปกับเพลย์ลิสต์ Pixar Hits จาก Universal Music Thailand ที่ได้รวมเอาเพลงเพราะคุ้นหูจาก Toy Story ตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาคล่าสุด รวมทั้งภาพยนตร์อื่น ๆ ที่ทุกคนต่างหลงรักของ Pixar สามารถฟังได้แล้ววันนี้บน Spotify และ Apple Music
.
เรื่อง: Phakkearth (Intern)
.
Comments