top of page

อาชีพ ‘Ghostwriter’ กับเรื่องราวของ ‘ผี’ ที่ยอมให้ตนถูกลบเลือนจากผลงาน

  • รูปภาพนักเขียน: Gaslight Café
    Gaslight Café
  • 6 วันที่ผ่านมา
  • ยาว 2 นาที
ree

ในโลกแห่ง storytelling มี ‘ผี’ ประเภทหนึ่งที่ไม่ต้องรอเวลาเพื่อปรากฏตัวเฉพาะในวันฮาโลวีน หรือเป็นได้แค่เรื่องเขย่าขวัญยามค่ำคืนเท่านั้น แต่เป็นผีที่สามารถวนเวียนได้อยู่ในทุกบทสนทนาที่ถูกเอื้อนเอ่ย โดยไม่มีใครรู้ว่าผีตนนี้ได้ช่วยใส่ชีวิตเข้าไปในเรื่องเล่า ช่วยทำให้เรื่องราวมีจิตวิญญาณ และไม่เคยหลอกหลอนด้วยเสียงกรีดร้อง หากแต่ด้วยถ้อยคำที่ทำให้หัวใจของผู้รับสารสั่นสะเทือน

.

ผีตนนี้คือ ‘Ghostwriter’ ผู้ที่ยอมให้ตัวเองถูกหลงลืมแต่สตอรีไม่ถูกลบเลือน ไอเท็มลับของวงการศิลปะที่เป็นดั่งเส้นบาง ๆ ระหว่างการยกระดับผลงานและความเจ็บปวดของการไร้ซึ่งตัวตน

.

ในความหมายพื้นฐาน ghostwriter หรือ ‘นักเขียนเงา’ คือผู้ที่แต่งหรือเขียนเนื้อหาให้กับผู้อื่นโดยไม่ปรากฏชื่อของตัวเองในผลงานนั้น ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ บทความ เพลง บทละคร หรือแม้แต่สุนทรพจน์ของบุคคลสำคัญ เรียกได้ว่านักเขียนเงาคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของคนอีกคนหนึ่ง โดยเข้าไปมีส่วนร่วมในการเล่าเรื่องของงานชิ้นนั้นโดยไม่มีการเปิดเผยว่าตนเองเป็นผู้เขียน

.

👻 ทำไมต้องมี ghostwriter?

.

เหตุผลของการมีอยู่ของบทบาทนี้นั้นมีได้หลากหลาย อาจเป็นเพราะบางคนมีเรื่องที่จะเล่าแต่ไม่มีทักษะในการถ่ายทอด การได้ ghostwriter มาทำหน้าที่คล้าย ๆ นักถ่ายทอดความ (ผสมถ่ายทอดอารมณ์) ก็ช่วยให้เนื้อหาของเจ้าของเรื่องนั้นลื่นไหลมีชีวิตชีวามากขึ้น

.

บางกรณีอาจเกี่ยวข้องไปถึงแง่มุมเชิงธุรกิจ เช่น ในวงการหนังหรือละครเวทีซึ่งมีเดดไลน์ที่เข้มงวด ghostwriter อาจถูกจ้างมาเพื่อช่วยเขียนหรือปรับบทให้ทันเวลาโดยไม่มีการให้เครดิตเต็มรูปแบบ หรือในเชิง branding นักเขียนบางคนอาจต้องการให้ผลงานดูมีลายเซ็นเป็นของตัวเองทั้งหมดภายใต้กรอบเวลาสร้างสรรค์ที่จำกัด ดังนั้นการใช้บริการ ghostwriter ก็สามารถเข้ามามีบทบาทในจุดนี้ได้เหมือนกัน

.

ลองนึกถึงเวทีกล่าวสุนทรพจน์ของบุคคลสำคัญซึ่งต้องมีการคัดสรรถ้อยคำอย่างถี่ถ้วน แม้เราอาจได้ยินการแทนตัวเองว่า ‘กระผม/ดิฉัน’ ในคำแถลงเหล่านั้น แต่สคริปต์ทั้งหมดก็มักไม่ได้เขียนโดยผู้พูดผู้นั้นโดยตรง แต่ถูกเขียนและผ่านการคัดกรองมาแล้วจากทีมงานผู้ดูแลอยู่เบื้องหลัง นี่ก็ถือเป็น ghostwriting รูปแบบหนึ่งที่เราอาจจะคุ้นเคย และน่าจะทำให้คนทั่วไปเห็นภาพได้มากที่สุด

.

ยังมีเหตุผลอื่น ๆ อีกมากมายที่งานเขียนอาจต้องการ ghostwriting เช่น เพื่อรักษาความลับหรือความปลอดภัยในเรื่องเล่าที่อาจข้องแวะไปถึงประสบการณ์ส่วนตัว ประเด็นละเอียดอ่อน เหตุการณ์ทางการเมือง ฯลฯ

.

หรือจริง ๆ แล้วเหตุผลของมันอาจเพราะบางคนแค่รักการเขียนเท่านั้นก็เป็นได้ ความสุขที่แท้จริงคือการได้เล่าเรื่องออกไป โดยไม่ต้องการฉากหน้า ไม่ต้องการให้ชื่อของตัวเองเปล่งประกายอยู่ในสปอตไลท์ ดังนั้นผู้เขียนก็สามารถเลือกวางตัวเองในฐานะนักเขียนเงาได้เช่นกัน

.

👻 เมื่อนักเขียนถูกทำให้เป็น ‘ผี’ โดยระบบ

.

จากประวัติศาสตร์วงการฮอลลีวูด นักเขียนบทเคยต้องต่อสู้กับพลวัตทางสังคมที่ซับซ้อน ซึ่งบางครั้งก็โยนความโหดร้ายเข้ามาในระบบอุตสาหกรรม และบีบบังคับให้พวกเขาต้องจำยอมเป็น ‘ghost’ ไปโดยปริยาย

.

ในช่วงยุคทองปลายทศวรรษ 1940 ถึง 1950 วงการภาพยนตร์อเมริกันตกอยู่ในความหวาดกลัวต่ออิทธิพลของลัทธิคอมมิวนิสต์อย่างรุนแรง เกิดการล่าแม่มดทางการเมืองที่เรียกว่า ‘McCarthyism’ ซึ่งส่งผลให้มีการตั้งคณะกรรมการ HUAC (House Un-American Activities Committee) ขึ้นมาเพื่อสอบสวนบุคคลในวงการบันเทิงที่ถูกสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับลัทธินี้

.

นักเขียนบทภาพยนตร์จำนวนมากถูกเรียกสอบ ถูกบังคับให้เปิดเผยรายชื่อเพื่อนร่วมงาน และหากปฏิเสธ พวกเขาจะถูก blacklist ซึ่งนั่นก็หมายถึงการถูกห้ามทำงานในวงการภาพยนตร์อย่างไม่มีกำหนด หลายคนจึงต้องหันไปใช้ชื่อปลอม หรือให้คนอื่นออกหน้าฉากแทนในฐานะผู้เขียนบท ส่วนตัวเองกลายเป็น ghostwriter โดยไม่สมัครใจ

.

👻 ไร้ตัวตน ใช่ว่าคนไม่จดจำ

.

หนึ่งในกรณีที่โด่งดังที่สุดก็คือ Dalton Trumbo นักเขียนบทที่ถูกขึ้นบัญชีดำแต่ยังคงเขียนบทหนังให้กับสตูดิโอใหญ่ เขาเคยชนะออสการ์ 2 ครั้ง ซึ่งล้วนอยู่ในช่วงเวลาที่เขาถูกทำให้เป็น ‘ผี’ จากกิจกรรมทางการเมือง ณ ขณะนั้น (ผู้ที่อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม สามารถหาชมหนังเรื่อง Trumbo (2015) ที่ Bryan Cranston นำแสดงได้ครับ)

.

ออสการ์ตัวแรกของทรัมโบมาจากการเขียนบท Roman Holiday หนังในตำนานของ Audrey Hepburn เมื่อปี 1953 โดยผู้ที่ตกลงจะออกหน้าแทนเขาคือ Ian McLellan Hunter นักเขียนบทชาวอังกฤษ ซึ่งได้เครดิตทั้งชื่อที่ปรากฏอยู่ในหนัง และชื่อที่ถูกขานบนเวทีออสการ์

.

ส่วนออสการ์ตัวที่สอง ทรัมโบชนะจาก The Brave One ในปี 1956 ครั้งนี้เขาลงนามแฝงในงานว่า Robert Rich ซึ่งหยิบยืมมาจากชื่อหลานชาย (ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ เลยกับวงการหนัง) ของพี่น้องตระกูลคิงซึ่งเป็นผู้อำนวยการสร้างของ King Brothers Productions

.

ทั้งสองครั้งมีผู้ที่ขึ้นเวทีรับโทรฟีแทนทั้งหมด (ก็แหงอยู่แล้ว!) จนกระทั่งอีกหลายปีหลังจากนั้นเมื่อเหตุการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลง และความจริงถูกเปิดเผย อะคาเดมีจึงได้แก้ไขเครดิตและส่งมอบตุ๊กตาออสการ์ไปให้กับทรัมโบ โดยออสการ์จาก The Brave One ส่งมอบให้ก่อนเขาจะเสียชีวิตเพียง 1 ปี ส่วนออสการ์จาก Roman Holiday ส่งมอบให้กับทางครอบครัวหลังจากทรัมโบเสียชีวิตไปแล้วถึง 16 ปี

.

👻 ความเจ็บปวดของการเป็น ‘ผี’ ที่ยังมีชีวิต

.

หากเรื่องของดาลตัน ทรัมโบ คือความเจ็บปวดจากการเป็น ‘ผี’ ด้วยสภาวะจำยอม เรื่องราวของตัวละคร “Joan Castleman” (Glenn Close) ในหนังเรื่อง The Wife (2018) ก็คือความทุกข์ระทมจากการเป็น ‘ผี’ โดยสมัครใจ (ซึ่งกรณีนี้สะท้อนนิยามของ ghostwriter ได้ชัดเจนกว่า)

.

โจนคือภรรยาผู้ที่แต่งนวนิยายชั้นเยี่ยมทั้งหมดให้สามี แต่เธอทำได้แค่นั่งมองเขาในวันที่เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ในเบื้องหน้าเธอเป็นคู่ครองผู้แสนดี แต่ในเบื้องลึกโจนคือนักเขียนเงาที่หลบซ่อนด้วยความขมขื่น รู้สึกเป็นเพียงลมใต้ปีกที่คอยส่งสามีให้โผผินบินไป โดยที่เธอไม่มีโอกาสเฉิดฉายเป็นของตัวเอง

.

สิ่งที่น่าคิดตามคือ “ถ้าเป็นเรา เราจะสามารถทำอย่างเธอได้จริง ๆ หรือไม่? เราจะรู้สึกกับ ‘ความภาคภูมิใจ’ ของเราอย่างไร?” ในเมื่อโลกรู้จักผลงานที่เราสรรสร้าง แต่ไม่มีวันรู้จักผู้สร้างสรรค์ที่แท้จริง และสิ่งที่เราทุ่มเททั้งหมดกลายเป็นเพียงเบื้องหลังของใครอีกคนที่ได้รับเสียงปรบมือแต่เพียงผู้เดียว

.

👻 ทฤษฎีสมคบคิดทำให้ ‘ผี’ เป็นผู้เปลี่ยนประวัติศาสตร์

.

ในมุมหนึ่ง storytelling สามารถเป็นได้ดั่งขุมพลังเพื่อขับเคลื่อนบางสิ่งบางอย่าง ดังนั้นบางครั้งการปรากฏตัวของ ghostwriter จึงอาจไม่ได้เป็นการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในแง่คอนเทนต์ของสตอรีเพียงอย่างเดียว แต่อาจมีบทบาทของการรักษา ช่วงชิง หรือถ่วงดุลอำนาจในมิติอื่นแฝงเร้นอยู่ด้วย

.

หนังเรื่อง Anonymous (2011) โดยผู้กำกับ Roland Emmerich เสนอทฤษฎีที่เขย่าความเชื่อดั้งเดิมว่า บทละครอันโด่งดังมากมายของ William Shakespeare นั้นไม่ได้ถูกเขียนขึ้นด้วยตัวเขาเอง แต่เป็นฝีมือของ Edward de Vere เอิร์ลแห่งอ็อกซฟอร์ด บุคคลระดับปัญญาชนที่ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนในงานเขียนได้ด้วยเหตุผลทางการเมืองและฐานันดรศักดิ์ ส่วนเชคสเปียร์เป็นเพียงนักแสดงที่เขียนหนังสือไม่เป็น

.

แม้เรื่องราวจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากทฤษฎีสมคบคิด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนังชวนให้คนดูตระหนักถึงอานุภาพของการสวมบทบาทแทนกันในงานเขียนได้ไม่น้อย เพราะมันไม่เพียงสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้ที่ ‘ออกฉากหน้า’ เท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกเชิงอำนาจของผู้อยู่ ‘หลังม่าน’ ที่ทรงพลังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย โดยเฉพาะท่ามกลางเกมการเมืองในยุค Elizabethan ที่มักใช้การโฆษณาชวนเชื่อสอดแทรกไว้ในการละคร

.

👻 ‘ผี’ เจนใหม่ในยุค AI ครองโลก

.

ในวันที่เทคโนโลยีสามารถเขียนบทความ แต่งเพลง หรือแม้แต่สร้างบทละครได้ภายในไม่กี่วินาที ghostwriter อาจต้องนับรวมถึงระบบอัลกอริธึมที่ถูกเทรนมาให้เลียนแบบ ‘น้ำเสียง’ ของมนุษย์อย่างแนบเนียนเข้าไปด้วย

.

แน่นอนว่า ghostwriting ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป (แบบที่ดาลตัน ทรัมโบ และโจน แคสเซิลแมนประสบมา) แต่เรื่องน่าขบคิดหลังจากนี้ก็อาจเปลี่ยนมาเป็น ‘ความเจ็บปวดจากการมีอยู่ของนักเขียนเงาที่เป็น AI ไร้ชีวิต’ แทน และผู้ที่เจ็บปวดในครั้งนี้ก็ไม่ใช่ฝ่ายที่เป็น ghostwriter แล้ว หากแต่เป็นฝ่ายนักเขียน-นักอ่านที่เป็นคนมีเลือดเนื้อจริง ๆ

.

เพราะถ้าหาก AI ไม่ถูกใช้สอยอย่างชาญฉลาด การเขียนที่เคยเป็นพื้นที่ของความรู้สึกและประสบการณ์ส่วนตัว อาจเหลือแค่เพียงผลลัพธ์จากการประมวลผลที่ไร้จิตวิญญาณ ซึ่งนำไปสู่การสูญสลายในความสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่ากับผู้ฟังในที่สุด

.

และเมื่อนั้น ‘ผี’ ก็จะไม่ใช่การหายไปในตัวตนของผู้เขียนอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นการหายไปใน ‘ความลึกซึ้งของการเขียน’ นั่นเอง

.

เรื่อง: Gaslight Café

.

#TheShowhopper #เปิดโปร #อาชีพ #โปรดักชัน #Hollywood 



ความคิดเห็น


©2023 by The Showhopper

bottom of page