เสียงปรบมือสนั่นหวั่นไหวและเสียงเชียร์ด้วยความยินดีดังกึกก้องไปทั่วทั้งโลกทันทีที่ผู้คนได้ยินเสียงร้องของ ‘Celine Dion’ อีกครั้งในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูร้อน Paris 2024 เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม
.
มนุษย์มีวิธีได้มาซึ่งความอิ่มเอมใจจากสิ่งต่างๆ รอบตัวแตกต่างกัน บางคนได้จากการดมกลิ่น บางคนก็เป็นการลิ้มรส หลายคนบอกว่าแค่การมองดูก็เพียงพอแล้ว คนอีกจำนวนไม่น้อยเลือกให้การสดับรับฟังคือคำตอบแรกๆ ของพวกเขา และส่วนใหญ่น่าจะคิดเหมือนๆ กันว่า เราเสพความสุขได้จากประสาทสัมผัสเหล่านี้รวมกันเข้ากับบริบทมากมายที่ห้อมล้อมต่างหาก
.
แต่จะเป็นอย่างไรหากผู้ถ่ายทอดสารสู่ประสบการณ์รับรู้ของเราผ่านงานศิลปะและสื่อบันเทิงเหล่านั้น กลับต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคทางสมองและระบบประสาทเสียเอง..
.
.
‘Celine Dion’ เปิดเผยต่อสาธารณชนในปี 2022 ว่าเธอกำลังต่อสู้กับโรคคนแข็งหรือ Stiff Person Syndrome (SPS) ซึ่งเป็นโรคเกี่ยวกับระบบประสาทที่พบได้ยากมาก สาเหตุนั้นยังไม่แน่ชัด แต่อาการของโรคส่งผลให้เกิดการแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อจนทำให้ไม่สามารถขยับร่างกาย ใบหน้า หรือทำกิจวัตรได้เหมือนปกติ วันนั้นเองเธอจึงประกาศยกเลิกทัวร์คอนเสิร์ตทั้งหมด และบอกอย่างเลื่อนลอยได้เพียงว่าเธอจะกลับมาพบกับทุกคนในเร็ววันเมื่อหายดี
.
ในสารคดี “I Am: Celine Dion” ได้เผยให้เห็นช่วงเวลาอันโหดร้ายเมื่ออาการ SPS ของเซลีนกำเริบ เธอตัวแข็ง ตาค้าง หน้าเกร็งเหมือนรูปปั้น ทำได้เพียงนอนแน่นิ่ง ร้องไห้ และส่งเสียงร้องอย่างทุกข์ทรมาน แน่นอนว่าแฟนๆ ใจสลาย แต่คนที่ใจสลายที่สุดเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตัวเซลีนเอง
.
‘Michael J. Fox’ อดีตนักแสดงวัยรุ่นจากยุค 80 ที่มีหนังฮิตอย่าง “Teen Wolf” (1985) และแฟรนไชส์ “Back to the Future” (1985-1990) ก็เป็นอีกคนที่ต้องต่อสู้กับโรคพาร์กินสัน (Parkinson’s Disease) มาอย่างยาวนาน โรคนี้เกิดจากความเสื่อมของเซลล์ประสาทบริเวณก้านสมอง ทำให้การผลิตสารที่ชื่อว่าโดพามีน (Dopamine) ลดลง ส่งผลให้เกิดความผิดปกติทางการเคลื่อนไหว มือสั่น การกระทำและความคิดเชื่องช้าลง กล้ามเนื้อเกร็ง พูดจาไม่คล่องแคล่ว การแสดงออกทางสีหน้าลดลง โดยปกติโรคนี้มักเกิดกับคนที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป แต่ในกรณีของฟ็อกซ์ เขาตรวจพบโรคนี้ตั้งแต่ปี 1991 นั่นคือขณะตัวเขาอายุเพียง 30 ปีเท่านั้น
.
ฟ็อกซ์เปิดเผยในสารคดีปี 2023 เรื่อง “Still: A Michael J. Fox Movie” ว่า ช่วงต้นยุค 90 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในอาชีพการงาน เขาพบว่าตัวเองเริ่มมีอาการมือสั่นในกองถ่ายจนต้องพยายามซ่อนเร้นมันจากทุกคน บางครั้งอาการก็สำแดงขึ้นมาดื้อๆ ขณะที่กล้องกำลังเดินหน้าและซีนกำลังดำเนินไป สิ่งที่เขาต้องทำคือ ‘ออกไม้ออกมือ’ เนียนๆ ไปตามบทพูดตลอดเวลา โดยไม่ให้มืออยู่นิ่งเพื่อที่คนจะจับสังเกตได้ เพราะเขายังไม่พร้อมให้ความเจ็บป่วยนี้มาทำลายหน้าที่การงานของตัวเอง
.
อีกตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจมาจากตัวละครในภาพยนตร์เรื่อง “The Great Lillian Hall” ที่เพิ่งปล่อยไปเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นักแสดงเจ้าบทบาท ‘Jessica Lange’ รับบทเป็น ‘Lillian Hall’ ดาราบรอดเวย์รุ่นลายครามที่กำลังตระเตรียมซักซ้อมละครเวทีเรื่องใหม่
.
ลิลเลียน คือมือวางอันดับหนึ่งของวงการ ชื่อของเธอการันตีคุณภาพและขายได้เสมอ ผู้ชมรักเธอและพร้อมจ่ายเพื่อมาดูเธอ แต่ปัญหาใหญ่หลวงเบื้องหลังที่ลิลเลียนกำลังเผชิญอยู่นัันคือ เธอถูกวินิจฉัยว่าเริ่มมีอาการของโรคสมองเสื่อม (Dementia) ทำให้การไม่สามารถจำบทได้ เริ่มส่งผลต่อการงานของเธอมากขึ้น เธอเดินหลงทาง ไม่สามารถไปยังโรงละครที่มีระยะห่างเพียงน้อยนิดจากแมนชั่นของตัวเองรวมทั้งเริ่มมีอารมณ์แปรปรวนอันเป็นผลมาจากประสิทธิภาพในการทำงานที่ลดลง
.
อีกกรณีหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2022 ที่หลายคนอาจได้ยินข่าวการอำลาวงการของ ‘Bruce Willis’ คนอึดตายยากแห่งแฟรนไชส์ “Die Hard” (1988-2013) และขวัญใจผู้ชมจากหนังบล็อกบัสเตอร์นับไม่ถ้วน
.
สาเหตุสำคัญที่ครอบครัวของเขาต้องออกมาประกาศถึงการปลดเกษียณครั้งนี้ ก็เนื่องมาจากอาการเจ็บป่วยของบรูซที่มาจากความผิดปกติทางสมอง โดยเขาถูกวินิจฉัยว่ามีภาวะบกพร่องทางการสื่อสาร หรืออะเฟเซีย (Aphasia) ซึ่งเกิดจากการที่สมองส่วนที่ควบคุมการพูดและความเข้าใจถูกทำลายจนส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการสื่อสาร ชัดเจนว่ามันมีผลกระทบอย่างยิ่งยวดกับคนที่ประกอบอาชีพนักแสดงอย่างเขา
.
มีรายงานว่าผลงานที่เขาแสดงไว้ช่วงท้ายก่อนอำลาวงการจำเป็นต้องถูกลดทอนให้เหลือเป็นเพียงบทสมทบเล็กๆ และต้องจัดคิวถ่ายทำเฉพาะส่วนของเขาให้เสร็จสิ้นใน 2 วันแล้วรับค่าตัวไปเลย ส่วนการพูดบทก็ต้องใช้การใส่หูฟังซ่อนไว้แล้วให้พูดตามเสียงที่บอกในหู เพราะเขาเริ่มไม่เข้าใจสิ่งต่างๆ รอบตัวแล้ว ไม่เข้าใจแม้กระทั่งว่าเขามา ณ สถานที่นั้น (กองถ่าย) ทำไม
.
หรืออย่างเคสของ “แม่แอ๊ด – โฉมฉาย ฉัตรวิไล” เจ้าของบท ‘คุณหญิงแสร์’ แห่ง “ทวิภพ เดอะ มิวสิคัล” และ ‘คุณนายคมขวัญ’ แห่ง “บัลลังก์เมฆ เดอะ มิวสิคัล” ก็มีปัญหาเกี่ยวกับการจำบทไม่ได้ในระยะหลังโดยมีสาเหตุมาจากติ่งเนื้อในสมอง จนถึงขั้นที่แม่แอ๊ดตัดสินใจรับงานแสดงน้อยลง และคิดจะวางมือจากการแสดงเช่นกัน ก่อนที่จะจากไปอย่างสงบเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา กลายเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการบันเทิงไทย
.
จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเป็นเซลีน ดิออน, ไมเคิล เจ. ฟ็อกซ์, ลิลเลียน ฮอลล์, บรูซ วิลลิส หรือแม่แอ๊ด โฉมฉาย ภาพสะท้อนร่วมกันที่เราได้เห็นนั้นคือการกระเสือกกระสนดิ้นรนของผู้ป่วยเพื่อเอาชนะโรคร้าย และหาทางไปต่อให้กับชีวิต เรารับรู้ได้ถึงความกดดันอันหนักหน่วงในฐานะคนดังผู้แบกความหวังมวลมหาศาลของคนที่อยู่รายรอบ และเหนือสิ่งอื่นใด เราสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเมื่อ ‘ศิลปิน’ ไม่สามารถถ่ายทอด ‘ศิลปะ’ ซึ่งเป็นสิ่งล้ำค่าที่มีความหมายที่สุดในชีวิตพวกเขาออกมาได้
.
โรคภัยไข้เจ็บเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ไม่มีมนุษย์คนไหนไม่เจ็บป่วย ในเมื่อเราต่างเคยมีความสุขที่ได้เสพ ‘เรื่องราว’ จากการถ่ายทอดของบุคคลสาธารณะเหล่านี้ ดังนั้นในวันที่พวกเขาเผชิญขวากหนามครั้งใหญ่ในชีวิต ผมเชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่ทุกคนทำได้แน่นอนคือ การมอบความเห็นอกเห็นใจ ส่งต่อความนึกคิดด้านบวกและพลังใจดีๆ ให้พวกเขา เหมือนกับที่พวกเขาเคยสร้างพลังบวกเป็นเกราะกำลังใจให้เรายามที่เราใช้ประสาทสัมผัสเสพศิลปะจากพวกเขานั่นเอง
.
เพราะในที่สุดแล้ว เรายังอยากมีห้วงเวลาแห่งวันชื่นคืนสุขร่วมกับศิลปินที่เรารักอีกหน
.
…เหมือนเมื่อครั้งที่บทบาทของไมเคิล เจ. ฟ็อกซ์ พาเราเจาะเวลาหาอดีตไปพบความสวยงามของวันวาน
.
…หรือยามที่ตัวละครจอมอึดตายยากของบรูซ วิลลิส ต่อกรกับวายร้าย และเอาชนะได้เสมอ
.
…หรือเป็นอย่างความสุขของผู้คนในโรงละครที่ส่งผ่านสู่ลิลเลียน ฮอลล์ ซึ่งยังได้ทำงานที่รักทั้งหัวใจ และรู้ว่าจะถูกจดจำตลอดไป
.
…หรือไม่ก็เป็นอย่างความรู้สึกเวลาที่บทเพลงสุดไพเราะของศิลปินผู้มีปณิธานแรงกล้าว่า “ฉันจะไม่มีวันหยุดร้องเพลง” อย่างเซลีน ดิออน ประทับความตราตรึงลงไปในใจเราไงครับ
.
ในวันหนึ่งถ้าความเจ็บป่วยหายไป และพวกเขาได้กลับมามอบความสุขให้เราอีกครั้ง มันคงเหมือนของขวัญจากสรวงสวรรค์ที่หล่นลงมาตอบแทนความรักที่ศิลปินและผู้ที่รักพวกเขาส่งมาโอบกอดให้กันและกันตลอดมา และคงเป็นเรื่องจริงอย่างที่ประโยคสุดท้ายในเพลง “Hymne à l'amour” ซึ่งเซลีนร้องในวันที่เธอหวนคืนเวทีอีกครั้งที่ Paris 2024 บอกเอาไว้อย่างแน่นอน
.
“Dieu réunit ceux qui s'aiment”
“พระเจ้านำพาผู้คนที่รักกันให้ได้อยู่ร่วมกันเสมอ”
.
.
เรื่อง: Gaslight Café
.
.
コメント