โหมโรง เดอะมิวสิคัล ๒๕๖๘ นักแสดงใส่ไม่ยั้ง จุดมนต์ขลังดนตรีไทย ด้วยสมรภูมิระนาดเร้าใจที่บรรเลงกันแบบสด ๆ

10 ปีที่แล้ว เป็นครั้งแรกที่คนไทยได้รับชม “โหมโรง เดอะมิวสิคัล” ก่อนจะกลับมารีสเตจอีกครั้งในปี 2561 ล่าสุดปีนี้ “โหมโรง เดอะมิวสิคัล ๒๕๖๘” ได้กลับมาแล้ว พร้อมเนื้อเรื่องที่ยังเคารพต้นฉบับจากเวอร์ชันภาพยนตร์ไว้คงเดิม เพิ่มเสริมด้วยโปรดักชันที่อลังการยิ่งขึ้นบนโรงละครสยามพิฆเนศ ผนวกกับพลังนักแสดงที่ฮุกได้ทั้งเวที ไม่ว่าจะแสดง ร้อง เต้น เล่นระนาด ทำเอาวิญญาณดนตรีไทยในตัวลุกขึ้นฮือ เพราะละครเวทีเรื่องนี้สามารถเล่าใจความสำคัญของเรื่องได้อย่างตราตรึง และทำฉากดนตรีไทยได้ถึงพริกถึงขิง

.

ก่อนที่จะพูดถึงเนื้อเรื่องในเวอร์ชันละครเวที ต้องขอพาผู้อ่านทุกคนย้อนกลับมาสำรวจเวอร์ชันภาพยนตร์ก่อน เพราะการดำเนินเรื่องจะถูกแบ่งเป็น 2 เส้น เส้นเรื่องแรกคือ เรื่องราวในอดีตของ ‘ศร’ มือระนาดหนุ่มผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ ที่ต้องเผชิญหน้ากับความกดดันและการแข่งขันในการขึ้นเป็นระนาดเอกแห่งแผ่นดิน และอีกเส้นเรื่องว่าด้วยเรื่องราวตอนเขามีอายุและขึ้นเป็น ‘ท่านครู’ เขาต้องเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยที่ทำให้ดนตรีไทยไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เรื่องราวทั้งหมดนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากประวัติของ ‘หลวงประดิษฐไพเราะ’ บุคคลสำคัญทางดนตรีไทยที่เคยมีตัวตนอยู่จริง

.

ที่ต้องเกริ่นเวอร์ชันภาพยนตร์ก่อน เพราะในละครเวทีก็มีเนื้อเรื่องเหมือนกันเป๊ะ จนแทบจะสามารถถอดมาเทียบกันฉากต่อฉากได้ สำหรับใครที่คิดถึงโหมโรงในเวอร์ชันภาพยนตร์ ละครเวทีเรื่องนี้คงช่วยให้ฟินหอมปากหอมคอได้แน่นอน หรือถ้าใครกลัวว่า พอเป็นละครเวทีแล้วจะมีเนื้อเรื่องจะเดิมๆ น่าเบื่อ ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะถึงเนื้อหาจะเหมือนกัน แต่วิธีการนำเสนอจากจอเงินสู่บนเวทีนั้นมีความสร้างสรรค์และแตกต่างกันอย่างชัดเจน เช่น ฉากบ้าน คลอง วัด วัง ในเวอร์ชันละครเวทีก็มีบรรยากาศที่ชวนให้ผู้ชมหลุดเข้าไปในเรื่องได้เลยจากโปรดักชันที่จัดหนักจัดเต็ม ถึงขั้นที่บางฉากก็อาจเกิดคำถามขึ้นมาระหว่างชมเลยว่า “สร้างฉากที่ครีเอทขนาดนี้ขึ้นบนเวทีได้ไงเนี่ย!”

.

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้โหมโรงเวอร์ชันละครเวทีโดดเด่นขึ้นมา ก็คือ ‘การเล่าเรื่องแบบมิวสิคัล’ ซึ่งช่วยเติมเต็มรสชาติให้กับละครได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเดิมทีที่โหมโรงเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับดนตรีไทยอยู่แล้ว พอทำเป็นมิวสิคัลก็สามารถหยิบจุดแข็งนี้มาใช้ได้อย่างไพเราะงดงาม เพราะทุกเพลงในเรื่องล้วนใช้ดนตรีไทยมาบรรเลงประกอบ ซึ่งนอกจากจะได้ความเพราะพริ้งแล้ว ดนตรีไทยและความเป็นมิวสิคัลในเรื่องยังช่วยส่งข้อคิดเรื่อง ‘การรักษารากเหง้าวัฒนธรรมไทย’ ให้ชัดเจนมากขึ้นอีกด้วย

.

ต้องชื่นชมฝีมือการแสดงนำของ ‘อาร์ม กรกันต์’ และ ‘นพพล โกมารชุน’ ในบทตัวละคร ‘ศร’ ทั้งสองวัย ที่สามารถบรรเลงตีระนาดสดได้อย่างน่าอัศจรรย์ ในเมื่อโหมโรงขึ้นชื่อว่า เป็นเรื่องราวของมือระนาดเอกแห่งแผ่นดิน แน่นอนว่าการการตีระนาดในเรื่องก็ไม่มีทางง่าย แต่นักแสดงก็เอาอยู่จนได้ คำชมนี้ยังรวมถึงคู่ปรับที่มาประชันฝืมือตัวเอกอย่าง ‘เบิ่ง ทวีศักดิ์’ ในบท ‘ขุนอิน’ พูดได้เลยว่า “ทุกซีนที่มีการบรรเลงตีระนาดคือซีนไฮไลท์ของเรื่องที่ผู้ชมไม่อาจละสายตาได้”

.

นอกจากนี้ทัพนักแสดง ‘จ๋าย ไททศมิตร’, ‘แนน สาธิดา’, ‘แบ็งค์ เฉลิมรัฐ’, ‘นาย มงคล’ และนักแสดงสมทบคนอื่นๆ ออกมาโล่ดแล่นโชว์ลีลาแบบกินกันไม่ลง ทั้งในแง่การแสดง การร้อง และการเต้น ทุกตัวละครในเรื่องมีความน่าจดจำและเสน่ห์ของตัวเอง ถือเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของเรื่องนี้ ที่มีการออกแบบตัวละครได้มีมิติ ทำให้ผู้ชมอยากจะติดตามเรื่องราวของทุกตัวละครไม่ว่าจะเล็กใหญ่แค่ไหนก็ตาม อีกทั้งอองซอมในเรื่องยังเปี่ยมด้วยพลังเต็มร้อยทำให้ผู้ชมอย่างเราอยากจะเฝ้าดูและเอาใจช่วยตลอดเรื่อง

.

ในแง่ของงานโปรดักชันก็มีความยิ่งใหญ่ตระการตา ทั้งคอสตูม เมคอัพ แฮร์ดู มีการเปลี่ยนสลับระหว่างรัชกาลที่ 5 จนถึงรัชกาลที่ 7 ตลอดเรื่อง เพราะมีสองเส้นเวลา ซึ่งแค่เส้นเวลาเดียวทีมงานก็ต้องทำการบ้านกันหนักแล้ว แต่เรื่องนี้แสดงถึงสองเส้นเวลา ทีมงานก็ยังสามารถจัดการให้ผู้ชมเชื่อได้อยู่หมัด งานแสงเสียงก็เร้าอารมณ์แบบจัดเต็ม จะดราม่า ฮึกเหิม สนุกสนาน ฝ่ายแสงเสียงก็เสกให้ผู้ชมได้หมด

.

และที่ต้องชื่นชมเป็นพิเศษคือ ‘การเสกฉากในเรื่องขึ้นมา’ ทั้งฉากที่เป็นม่าน อาคาร หรือจอโปรเจคเตอร์ ทั้งหมดนี้ช่วยการประกอบสร้างความน่าเชื่อและความยิ่งใหญ่ให้กับการแสดง ยิ่งพอฉากเหล่านี้ถูก Transtion เข้า ออก หรือหมุนกลางเวที ยิ่งเรียกเสียงว้าวจากผู้ชมได้ดี

.

ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดนี้ ทำให้รู้เลยว่า ‘สังข์ - ธีรวัฒน์ อนุวัตรอุดม’ เป็นผู้กำกับที่มีความประณีตและใส่หัวใจลงไปในละครเวทีเรื่องนี้ไม่น้อย ถึงขนาดที่กลับมากำกับถึงสามครั้ง และสร้างสรรค์ให้ดียิ่งขึ้นในทุกๆ ครั้งที่มีโอกาส เพื่อให้ผู้ชมได้รับชมละครที่ดีมีคุณภาพและปลุกจิตวิญญาณดนตรีไทยในใจผู้ชมให้ดังขึ้น

.

.

เรื่อง: Phakkearth (Intern)

.

#TheShowhopper #ไปดูมาแล้ว #โหมโรงเดอะมิวสิคัล #โหมโรงเดอะมิวสิคัล๒๕๖๘

#Workpoint #Siampic #Musical