ความยากของเกมนี้จะไปจบที่ตรงไหน!?
.
เป็นครั้งที่สองแล้วกับ ‘Bangkok Crime Story’ เกมสืบสวนสอบสวนที่ผสานความเป็นละครเวที Immersive เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ความซับซ้อนซ่อนเงื่อนไปอีกขั้น ผลงานจากทีม Don’t F*ck with GM ที่ใจดีเชิญพวกเราไปร่วมเล่นเกมในรอบสื่อกันอีกครั้ง หลังจากได้รับจดหมายเชิญบอกเลยว่าไม่มีลังเล เพราะจากครั้งแรกที่พวกเราขนทีม The Showhopper ไปเล่นสืบหาฆาตกรในบริษัทเครื่องหอมก็ว่าสนุกจนเก็บเอามาคุยกันไม่หยุด ทั้งในแง่การดัดแปลงพื้นที่แบบ Site-specific การเขียนบท วางปริศนา และความขัดแย้งของตัวละคร การแสดงทั้งของทีมนักสืบและเหล่าตัวละครผู้ต้องหาที่ปลุกเร้าความตื่นเต้นให้ผู้เล่น ในรอบนี้พวกเขากลับมากับชื่อตอน ‘Bangkok Crime Story: The Masterpiece’ คดีสุดลึกลับ ณ แกลเลอรี่ ใจกลางกรุงเทพฯ
.
ต่อไปนี้จะเป็นการเล่าความรู้สึก ‘แบบไม่สปอยล์’
.
ช่วงเวลาของเกมทั้งหมดอยู่ที่ราวๆ 5 ชั่วโมง แบ่งออกเป็น 2 พาร์ท คือคดีเล็กและคดีใหญ่ หากอ่านแบบนี้อาจจะมองว่านาน แต่ถ้าทุกคนได้ไปอยู่ในเกมจริงๆ จะลืมนับเวลาแน่นอน เผลอๆ อาจจะอยากได้เวลาเพิ่ม เพราะทีม DFGM มีการแบ่ง Pacing ช้า-เร็ว ได้ดี ในช่วงที่ให้ข้อมูลคดี หรือปล่อยให้สมาชิกในทีมจัดใหม่ทำความรู้จักกัน คิดชื่อทีม ละลายความเคอะเขิน ก็ปล่อยเวลาไหลไปแบบชิลๆ แต่พอเข้าช่วงเริ่มสืบคดีแรกแบบแบ่งฐานทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วแบบจับเวลา จากที่ชิลกันตอนแรกอะดรีนาลีนก็เริ่มหลั่งทันที ช่วงเวลาจำกัดบีบคั้นให้ทุกคนแสดงศักยภาพของตัวเองออกมา ซึ่งนั่นทำให้ผู้เล่นได้รู้จักกันมากขึ้น ผ่านการช่วยกัน คิด จัดการ วางแผน ใครถนัดอะไร ตอนอีกคนทำอีกสิ่ง อีกคนก็ช่วยทำอีกสิ่ง ซึ่งสกิลนี้จะจำเป็นมากกับการสืบคดีใหญ่
.
เรื่องที่น่าประทับใจมากในรอบสื่อมวลชนคือการจัดทีมแบบคละคน โดยในรอบปกติผู้เล่นสามารถรวมทีมมาเองได้ แต่สำหรับคนที่อยากมาลองเล่นคนเดียว มาเป็นคู่ อยากบอกว่าไม่ต้องกังวลใจไปเพราะการมาเจอเพื่อนใหม่ในเกมนี้ก็เป็นเรื่องสนุกมากๆ ให้ความรู้สึกเหมือนเรื่องราวในหนังสืบสวนเวลาเหล่าคนแปลกหน้าต้องมาไขปริศนาร่วมกันในสถานการณ์บังคับ ใครเก่งเรื่องการคิดคำนวณ รู้จักสารเคมี ก็ไปหาข้อมูลกับทีมฐานนิติเวช ใครชอบเจ๊าะแจ๊ะพูดคุย เล่นเกมจิตวิทยาเก่งก็ไปสอบสวนผู้ต้องสงสัย ใครความจำดีเป็นคนละเอียดอ่อนก็ไปช่วยดูหลักฐาน ซึ่งพอเป็นทีมคละคนไม่รู้จักกันเราว่ามันสนุกที่นอกจากไขปริศนาตัวเองเรายังได้ศึกษาคนใหม่ๆ ไปด้วย แล้ว ณ ตรงนั้นเป้าหมายของทุกคนคือการมาเพื่อชนะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องทีมเวิร์ก มันจะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ แล้วตอนจบอาจทำให้ได้เพื่อน ได้คอนเนคชั่นใหม่กลับไปอีกด้วย
.
พอคดีใหญ่เพิ่ม รอบนี้ DFGM ขยายทั้งพื้นที่เล่นและความซับซ้อนของเส้นเรื่อง จากพื้นที่ 1 ชั้น มาเป็น 3 ชั้น คือเดินสืบได้ทั้งอาคาร และทุกที่มีหลักฐานซ่อนอยู่! เรียกได้ว่าผู้เล่นต้องหูตาไวขั้นสุด เพราะนักแสดงอยู่ในคาแรกเตอร์ตลอดทั้งเกม คือเราอาจเห็นบางตัวละครแอบไปร้องไห้ คุยโทรศัพท์ หรือแอบทำหน้าแค้นกล้อง 2 อยู่คนเดียว สิ่งเหล่านี้คืออะไรที่ผู้เล่นต้องตามไปดู เพราะมีประโยชน์ต่อการไขคดี
.
ในแง่ความยาก สำหรับคนที่ชอบเล่น Escape Room หรือ Immersive Game แนวนี้ มันเป็นความยากที่คุ้มค่า ยากระดับคิดกันจนปวดหัว เชื่อว่าหลายคนที่จ่ายเงินเข้ามาเล่นเกมคงคาดหวังให้เกมมันมีอะไรจริงๆ ได้ลับคมสมองกับแบบถึงรสถึงชาติ ซึ่ง “Bangkok Crime Story: The Masterpiece” เขาทำถึงจริง! หักมุมแล้วหักมุมอีก ตลบหลังผู้เล่นแบบไม่กะจะให้ไขคดีกันได้เลย แต่นั่นก็มอบความสมจริงให้เราอย่างมาก เพราะในชีวิตจริง การสืบคดีจริงๆ ไม่น่าเป็นเรื่องง่ายที่คิดเชื่อมสองสามชั้นแล้วจะไขได้เลย เกมนี้เลยเป็นเกมที่เราขอแนะนำแฟนเพจ The Showhopper ให้ไปลองกันสักครั้ง!
.
.
ติดตามเกมครั้งต่อไปได้ทางเพจ https://www.facebook.com/DFGMBoardgame
.
.
Comments