top of page
รูปภาพนักเขียนเจนจิรา หาวิทย์

“Love in the Big City” เรื่องราวของ ‘เฟมินิสต์‘ และ ’เกย์‘ ที่ต้องจับมือกันเติบโต ในสังคมชายเป็นใหญ่

อัปเดตเมื่อ 20 ธ.ค. 2567



“ถ้ามันกลับมาอีก เธอต้องรีบวิ่งไปโรงพักเลยนะ แล้วระหว่างนั้นก็โทรหาฉัน ฉันจะรีบมา..”

.

‘ฮึงซู’ กำชับกับ ‘แจฮี’ เพื่อนสาวหลังเจอตัวชายแก่ถ้ำมองต้นเหตุการหายไปของชั้นในตรงระเบียงของเธอ จนกระทั่งเขาตระหนักได้ว่าคำเตือนแค่นี้มิอาจปกป้องเพื่อนจากภัยร้ายในห้องเช่าราคาถูกนี้ได้ เขาจึงตัดสินใจย้ายมาอยู่กับเธอ ในห้องเล็กๆ ที่ไม่มีแม้แต่ฮีทเตอร์ แต่กลับเป็นพื้นที่แรกที่เขาจะได้ ‘เป็นตัวเอง’ อย่างอิสระ กับเพื่อนที่สนิทที่สุดในชีวิต

.

นี่คือเรื่องราวคร่าวๆ จาก “Love in the Big City” ภาพยนตร์อบอุ่นหัวใจต้อนรับหน้าหนาวที่เราอยากให้ผู้อ่าน The Showhopper ได้ไปดูกัน หากทุกคนพอผ่านตาการโปรโมทภาพยนตร์เรื่องนี้มาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นโปสเตอร์ ตัวอย่าง หรือคอนเทนต์มากมายในโซเชียลมีเดีย อาจงุนงนว่าสรุปแล้วมันเป็นเรื่องของเกย์และเพื่อนสาวที่ตกหลุมรักกันอย่างชื่อภาษาไทย “เธอเหงาเราเผลอ” หรือไม่? เราต้องเตรียมตัวไปฟินจิกเบาะกำมะหยี่ในโรงหนังกันหรือเปล่า? ผู้เขียนขอดับฝันทุกคนไว้ตรงนี้เลยว่า ไม่ค่ะ.. ไม่ใช่แบบนั้นเลย แต่มันคือภาพยนตร์ที่จะทำให้คุณย้อนมองการเติบโตของตัวเอง และคนที่เติบโตมา ‘เคียงข้าง’ คุณมากกว่า

.

ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกดัดแปลงมาจากหนังสือ “대도시의 사랑법” โดย พัคซังยอง นักเขียนเควียร์ผู้สร้างแรงกระเพื่อมครั้งในในวงการวรรณกรรมเกาหลีใต้ จนกูเกิลแทบจะไม่มีเรื่องราวของเขาให้อ่านมากนัก (?) เพราะสื่อบ้านเกิดน่าจะพยายามทุกวิถีทางไม่ให้ทั้งตัวเขาและผลงานได้โลดแล่น อีกทั้งเหล่านักวิจารณ์ยังพากันให้ดาวหนังสือเล่มนี้แบบต่ำเตี้ยเรี่ยดินในค่าเฉลี่ยไม่เกิน 1 ดาว เพราะมองว่าการเขียนหนังสือที่พูดเรื่องความหลากหลายทางเพศแบบโจ่งแจ้งเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ จนกระทั่ง “ลีออนฮี (E.oni)” ผู้กำกับ ร่วมกับมือเขียนบท “คิมนาดึล” หยิบวรรณกรรมเรื่องนี้มาบอกเล่าผ่านภาพยนตร์แนว Coming-of-Age ที่ได้สองนักแสดงดังอย่าง “คิมโกอึน” และ “โนซังฮยอน” มารับบทนำ

.

อย่างที่เกริ่นให้ฟังว่าสังคมเกาหลีใต้กับแนวคิดเรื่องความเท่าเทียมทางเพศเป็นสิ่งที่ยังไม่บรรจบกันดีนัก ศิลปินดาราหลายคนยังถูกต่อว่าหากสนับสนุนแนวคิดสตรีนิยม หรือการเป็นเกย์อย่างเปิดเผยอาจทำให้คุณตกงานหรือถูกไล่ออกจากบ้านได้อยู่ การมาของภาพยนตร์กระแสหลักเรื่องนี้จึงเป็นอีกก้าวสำคัญที่น่าจับตามอง ทั้งตัวบทและการถ่ายทอดของนักแสดงเปี่ยมไปด้วยความกล้าและความตั้งใจพูดถึงปัญหาฝังรากลึกที่คนส่วนมากในประเทศพร้อมใจจะปัดไปซ่อนไว้ใต้พรม

.

เรื่องราวใน Love in the Big City ชวนให้ผู้เขียนนึกถึงคอนเทนต์หนึ่งบน TikTok เมื่อครีเอเตอร์ออกมาตั้งคำถามว่า “ทำไมเวลาลูกเปิดตัวว่าเป็นเกย์ คนที่ดูรับได้มากกว่าถึงเป็นแม่ หรือทำไมผู้หญิงถึงเข้าใจเกย์ได้มากกว่าผู้ชาย” คำตอบในหัวเราหลังจากอ่านคำถามนั้น ก็คล้ายกับสิ่งที่พูดในหนังเรื่องนี้ เพราะในสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ มีอำนาจ มีแต้มต่อทางสังคมมากกว่า คงเหลือแค่ผู้หญิงและเควียร์เท่านั้นที่จะเข้าใจและปกป้องกันได้ สาวมั่นอดีตนักเรียนแลกเปลี่ยนแบบแจฮีที่โดนคนทั้งมหาวิทยาลัยหมั่นไส้ แถมยังโดนด้อยค่าว่าเป็นผู้หญิงง่ายๆ ไม่รู้ควรกับรักแท้ กับ เกย์หนุ่มอินโทรเวิร์ด ผู้ชื่นชอบวรรณกรรมฝรั่งเศส และไม่เชื่อว่าเขาจะเจอความสัมพันธ์ที่ยืนยาวและเปิดเผยแบบชายหญิงได้ เลยกลายเป็นคู่เพื่อนที่เติมเต็มกันได้อย่างลงตัว เส้นทางที่ทั้งคู่จูงมือกันไปจากวัยยี่สิบสู่สามสิบ การหาคนที่ใช่ งานที่ใช่ และชีวิตที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริง ความไม่รู้แบบสมวัย มาจนถึงการตะหนักรู้เมื่อเติบโต เป็นไทม์ไลน์ที่ภาพยนตร์เล่าไว้ได้อย่างละเมียดละไม เราอยากให้ทุกคนได้ไปดูกันจริงๆ อย่างน้อยที่สุดคือคุณจะได้ยิ้มให้กับการเติบโตที่ลุ่มๆ ดอนๆ แต่สวยงามของชีวิตได้แน่นอน

.

และจะบอกว่านี่เป็นเพียง ‘บทที่หนึ่ง’ ของหนังสือเล่มนี้เท่านั้น : )

.

.

เรื่อง: เจนจิรา หาวิทย์

.

ที่มา:

.

ดู 2 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page