แม้ภาพยนตร์เรื่อง ‘April, Come She Will เมษายน พาใครบางคนกลับมา’ จะฉายล่วงเลยมาถึงเดือนพฤษภาคมแล้วก็ตาม แต่เพลงประกอบอย่าง Michi Teyu Ku (Overflowing) ก็ยังวนเวียนชวนให้นึกถึงความสัมพันธ์ของคนสามคนที่ว่าด้วยความรักจากครั้งอดีตของจิตแพทย์หนุ่ม ชุน ฟูจิชิโระ (รับบทโดย ทาเครุ ซาโต้) ฮารุ (รับบทโดย นานะ โมริ) อดีตคนรักของเขาเมื่อสิบปีก่อน และรักครั้งปัจจุบันอย่าง ยาโยอิ (รับบทโดย มาซามิ นากาซาวะ) ผู้ตั้งคำถามชวนครุ่นคิดว่า ‘ต้องทำยังไง ไม่ให้รักจบลง ?’ และอีกหนึ่งประเด็นที่ยังสงสัยและค้างคาใจ ทำไมคนคนหนึ่งถึงวิ่งหนีความรักและเลือกที่จะไม่ครอบครองมันเพียงเพราะกลัวว่าความรักจะจบลง ?
.
อาจฟังดูนามธรรม แต่นั่นคือคำจำกัดความของ ‘ยาโยอิ’ สัตวแพทย์สาวผู้เกือบได้วิวาห์แล้วหนึ่งครั้งก่อนที่จะมาเจอกับฟูจิชิโระและตัดสินใจแต่งงาน แต่เธอกลับหายตัวไปในคืนวันเกิดในเดือนเมษายนทั้ง ๆ ที่ใกล้จะแต่งงานกับฟูจิชิโระอยู่ชอมร่อ คงเป็นเพราะจดหมายจากฮารุ แฟนเก่าที่เขียนมาจากสถานที่ต่าง ๆ ที่ฝ่ายชายเคยตกลงไว้ว่าจะไปด้วยกัน หลาย ๆ คนอาจคิดว่าการหายตัวไปของเธอดูไม่สมเหตุสมผล และอดีตที่ผ่านมาเนิ่นนานอย่างฮารุไม่น่าจะเป็นแรงผลักให้คนเราเลือกที่จะหนีมาเพียงเพราะถ้าไม่ครอบครอง รักก็คงจะคงอยู่ต่อไป
.
ทำไมความรักที่ใครก็ต่างแสวงหากลับเป็นเรื่องน่าหวาดหวั่นสำหรับบางคนล่ะ ?
.
🧠❤ ความรัก vs การทำงานของสมอง (Neuroscience)
.
เหตุที่ยาโยอิกลัวว่าความสุขที่เกิดจากความรักจะหมดไปในสักวัน กระทั่งตัดสินหนีออกมาก่อนที่มันจะถึงวันนั้น บางคนอาจมองว่าความกลัวนี้เป็นสิ่งที่ยาโยอิรู้สึกไปเอง แต่ความจริงแล้วการทำงานของสมองที่เกี่ยวกับความรัก มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้ยาโยอิตัดสินใจแบบนั้น
.
เพจสำนักพิมพ์ Bookscape นำเสนอความเชื่อมโยงของตัวละครใน ‘April, Come She Will’ เข้ากับของงานวิจัยด้านประสาทวิทยาศาสตร์จากหนังสือ ‘บันทึกรักจากสมองถึงหัวใจ’ โดยอธิบายไว้ว่าความสุขที่เกิดจากการรักใครสักคนนั้นเกิดจากโดพามีนที่สูบฉีดเข้าสมอง เรามักจะรู้สึกมีความสุข เหมือนกับ ‘ได้รับรางวัล’ เวลาได้อยู่กับคนที่เรารักและได้ยินชื่อของเขา กล่าวได้ว่าความรักต้องการโดพามีนเช่นเดียวกับต้นไม้ที่ต้องการน้ำมาหล่อเลี้ยง เมื่อเกิดความรู้สึกหมดรักหรือไร้ซึ่งความสุข (ที่เกิดจากความรัก) มันอาจไม่ได้เกิดจากความรู้สึกที่จืดจางลงเพียงอย่างเดียว แต่มันเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองอย่างมีนัยสําคัญ ในยามที่ระบบรางวัลของสมองที่สูบฉีดโดพามีนอาจเสื่อมถอยลง
.
หลังคบกันสองสามปีแรก คู่รักมักจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์และอุปนิสัย นำไปสู่สาเหตุของการเลิกรา เช่น ขาดความใกล้ชิดหรือความเชื่อมโยงระหว่างคนรัก หรือแม้กระทั่งความรู้สึกที่ว่าตนไม่เป็นที่ต้องการของอีกฝ่าย นักจิตวิทยาหลายคนเปรียบเทียบสภาวะเสื่อมถอยนี้ว่า เรากำลัง ‘ร่วงลงพื้น’
.
การที่ยาโยอิกลัวว่าความสุขจากความรักจากอีกฝ่ายจะหายไปในสักวัน ล้วนแล้วแต่มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ เมื่อเธอรู้สึกถึงความเหินห่าง ขาดความใกล้ชิดอย่างที่เคยมี ต่างคนต่างก็แยกห้องนอน และฟูจิชิโระเองก็มักจะเป็นคนนิ่งจนอาจลืมที่จะใส่ใจยาโยอิเหมือนกับที่คบกันแรก ๆ โดพามีนในสมองจึงหลั่งน้อยลงและเป็นปัจจัยให้ยาโยอิหนีเพื่อคิดทบทวนความรู้สึกตนเองเพียงลำพัง
.
😰 ความรัก vs ความกลัว (Fear of Impermanence)
.
ความกลัวว่าความสุขที่มาจากความรักจะหายไปในสักวันหนึ่งนั้นเกิดขึ้นได้กับยาโยอิและคนทั่วไป ความกลัวประเภทนี้ถูกจัดอยู่ในการกลัวความไม่เที่ยงหรือไม่แน่นอนในชีวิตหรือ ‘Fear of Impermanence’ ซึ่งครอบคลุมความวิตกกังวลหลายอย่าง รวมถึงความกลัวที่จะสูญเสียคนที่รัก กลัวว่าความรู้สึกรักและความสุขอาจจางหายไปเมื่อเวลาผ่านไป หรือแม้แต่กลัวว่าสถานการณ์ภายนอกอาจเข้ามาขัดขวางความสัมพันธ์ ความกลัวประเภทนี้มีรากฐานมาจากการตระหนักว่า ชีวิตเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้โดยธรรมชาติ และความสัมพันธ์ทุกรูปแบบอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
.
ตัวอย่างของความกังวลที่มักเกิดขึ้น เช่น ความกังวลที่เกิดจากความรู้สึกไม่มั่นคงภายใน เกิดจากความผูกพันที่เต็มไปด้วยความกังวลในวัยเยาว์ ผู้ที่มีความวิตกกังวลในความผูกพันสูงมักจะกลัวการถูกทอดทิ้ง คอยแสวงหาการยืนยันและความมั่นคงจากอีกฝ่ายเสมอ, ความกังวลในการเปลี่ยนแปลง ความไม่เที่ยงแท้ และธรรมชาติของชีวิตซึ่งเป็นสิ่งชั่วคราว บางครั้งก็ยากที่จะยอมรับและทำใจว่าทุกสิ่งมีการเปลี่ยนแปลงและสิ้นสุดลง, และความกังวลที่จะสูญเสีย มีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงการสูญเสียมากกว่าเสี่ยงเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่เท่ากับหรือมากกว่าเดิม ในบริบทของความรักจะยิ่งกลัวที่จะต้องสูญเสียความสุขและความมั่นคงทางอารมณ์ที่เคยมีในความสัมพันธ์ไป
.
ถ้าเช่นนั้น เราจะครอบครองความรักและเผชิญหน้ากับความกลัวพร้อมกันได้อย่างไร ?
.
🍃 ความรัก vs เติมใจให้เต็ม (Overflowing)
.
‘Michi Teyu Ku’ หรือ Overflowing ผลงานเพลงประกอบภาพยนตร์ครั้งแรกของฟูจิอิ คาเสะ (Fujii Kaze)
ดูจะสรุปใจความสำคัญและชี้ทางออกให้กับทุกตัวละครในเรื่องได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะยาโยอิ หากเราทำความเข้าใจในความเปลี่ยนแปลง ยอมรับความกลัวที่ว่าสักวันหนึ่งความสุขที่เกิดจากความรักก็ต้องจบลง สิ่งสำคัญคือเราจะต้อง ‘ปล่อยให้ความกลัวและความรักมาพบกันครึ่งทาง’ หมั่นเติมโดพามีนในใจให้เต็ม ชื่นชมและเห็นคุณค่ากับช่วงเวลาปัจจุบันที่เรายังมีโอกาสได้ครอบครองความรัก แม้อนาคตเราจะต้องสูญเสียมันไปไม่ว่าจะกรณีไหนก็ตาม แต่มันจะไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริง ๆ
.
[Verse 1]
Hashiridashita gogo mo
Kasane au hibi mo
Sakegataku subete owari ga kuru
Ano hi no kirameki mo
Awai tokimeki mo
Are mo kore mo doko ka oite kuru
Sorede yokatta to
Kore de yokatta to
Sukoyaka ni warai aeru hi made
.
(ยามบ่ายที่ไม่หยุดนิ่ง
วันเวลาที่เราโอบรับไว้
ทุกอย่างต้องจบลงในที่สุด
แสงสว่างสดใสที่เคยมีร่วมกัน
ความตื่นเต้นที่เคยรู้สึก
ต้องทิ้งทุกอย่างไว้ที่ใดสักแห่ง
แต่ไม่เป็นไรหรอก
ไม่เป็นไรเลย
จนกว่าจะถึงวันที่เราได้หัวเราะด้วยกันแบบนั้น)
.
[Chorus]
Akete yuku sora mo
Kurete yuku sora mo
Bokura wa koete yuku
Kawari yuku mono wa
Shikata ga naine to
.
Te wo hanasu, karuku naru
Michi teyu ku
.
(ไม่ว่าท้องฟ้าจะเริ่มทอแสง
หรือสิ้นแสงแห่งวัน
เราจะก้าวผ่านข้ามไปทุกอย่าง
สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนแปลง
ล้วนเป็นเรื่องที่เรากำหนดไม่ได้
.
เพียงปล่อยวาง ปลดเปลื้องความรู้สึก
และเติมใจให้เต็ม)
.
… ‘Have enough courage to trust love one more time and always one more time.
จงกล้าพอที่จะเชื่อใจในความรักอีกสักครั้ง และอีกสักครั้งเสมอ’ - Maya Angelou …
.
เรื่อง: Theeranai S.
.
ที่มา:
.
Comments