ว่ากันว่า ราชสำนักจีนโบราณมีเรื่องราวและขนบธรรมเนียมอันน่าพิศวงชวนให้ค้นหาเหลือคณานับ หนึ่งในนั้นที่จะกล่าวถึงคือเรื่อง ‘ต้วนซิ่ว’ อันจั่วหัวไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม ซึ่งหมายถึง ‘ชายรักชาย’ ในสมัยนั้นเป็นเรื่องปกติและแสนจะธรรมดาสามัญมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจว หรือช่วงตั้งแต่ 1,046-256 ปีก่อนคริสตกาลมาแล้ว อันที่จริงแล้วจะบอกว่าเฉพาะในราชสำนักจีนก็ไม่ถูกเท่าใดนัก เพราะทั่วทั้งสังคมจีนโบราณต่างก็คุ้นชินกับรักร่วมเพศ ตั้งแต่ในราชสำนัก กลุ่มขุนนาง ชนชั้นสูง ยันคนธรรมดา
ทว่าความรักที่จะเล่าถึงในที่นี้มิใช่รักที่งดงามหวานซึ้งและมีตอนจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งเหมือนกับในนิยาย หากแต่เป็นรักที่ ‘งามหน้า’ เสียมากกว่า
ในตำนานเล่าขานถึงจักรพรรดิหนุ่มรุ่นองค์หนึ่ง ทรงมีพระนามว่า ‘ฮั่นอ้ายตี้’ แห่งราชวงศ์ฮั่น ครองราชย์เมื่อชันษาเพียงยี่สิบปี ได้ตกหลุมรักกับขุนนางหนุ่มรูปงามนาม ‘ต่งเสียน’ และครองรักกันในพระราชวังเว่ยหยางกง ณ เมืองหลวงฉางอาน นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา หากแต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด ความหายนะได้คืบคลานเข้ามาสู่ชาวฮั่นทั้งแผ่นดิน เมื่อฮ่องเต้ของพวกเขาเกิด ‘หลงผู้ชาย’ ขึ้นมาจนหัวปักหัวปำ หากเป็นสามัญชนคนธรรมดาคงไม่มีอะไรยากนัก แต่มันเกิดขึ้นกับคนที่เป็นถึงประมุขของแผ่นดิน แล้วชาติบ้านเมืองจะเป็นเช่นไร?
อาการ ‘หลงผู้ชาย’ ของฮ่องเต้อ้ายตี้นั้นรุนแรงถึงขั้นชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ เพราะในเวลาเพียงไม่ถึงครึ่งทศวรรษ ต่งเสียนก็ได้รับการอวยยศจากฮ่องเต้ให้เป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพฮั่นทั่วทั้งราชอาณาจักร แม้เขาจะไม่เคยลงสนามรบเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ช้าก่อน ท่านผู้อ่านจะกังวลไปใยเล่า ในเมื่อหน้าที่ทั้งหมดนั้นไม่ต้องทำ เพราะหน้าที่เดียวที่ต่งเสียนต้องรับผิดชอบคืออยู่ข้างกายฮ่องเต้เป็นพอ เท่านี้ยังน้อย เพราะพระองค์ยังพระราชทานเบี้ยหวัดให้กับชายหนุ่มมากมายมหาศาล ถึงขั้นสร้างคฤหาสน์วิลิศมาหราทัดเทียมวังหลวงได้ อีกทั้งเหล่าบรรดาญาติสนิทมิตรสหายทั้งหลายของเขาก็ยังได้รับการปูนบำเหน็จและเลื่อนตำแหน่งกันโดยถ้วนหน้าอย่างไม่ขาดตกบกพร่องทั้งที่ไม่ได้ทำประโยชน์อันใดแก่ประเทศชาติเลยแม้แต่น้อย
ซ้ำร้ายยิ่งไปกว่านั้น คนที่คัดค้านพระองค์เรื่องของต่งเสียนต่างก็มีจุดจบอันน่าอนาถใจทุกราย ทั้งถูกขังคุก ถอดจากฐานันดรศักดิ์ ปลดจากตำแหน่ง ลงอาญาจนตายก็มี นับว่าเป็นพลังทำลายล้างอันยิ่งใหญ่จากความรักอันขาดเขลาของพระองค์
คำว่า ‘ต้วนซิ่ว’ นี้ได้แต่ใดมา?
ในตำนานยังเล่าอีกว่า ท่ามกลางแสงอาทิตย์อันอบอุ่นของเวลากลางวันในวันหนึ่ง อ้ายตี้และต่งเสียนได้นอนกลางวันอยู่ด้วยกันบนแท่นบรรทม ฮ่องเต้นั้นทรงตื่นจากพระบรรทมก่อน ส่วนชายหนุ่มผู้เป็นที่รักข้างกายนั้นยังคงหลับใหลอย่างสบายอารมณ์โดยนอนทับแขนเสื้อของพระองค์อยู่ อ้ายตี้ทอดพระเนตรเห็นเช่นนั้นก็ไม่อยากปลุกคนรัก จึงใช้มีดตัดแขนเสื้อของพระองค์เองเพื่อให้ต่งเสียนได้นอนหลับอย่างสบาย เกิดเป็นสำนวน ‘ตัดแขนเสื้อ’ หรือ ‘ต้วนซิ่วจือผ่ี’ (斷袖之癖) อันแปลเป็นไทยได้ว่า ‘พิศวาสจนตัดแขนเสื้อ’
นับแต่นั้นมา คำว่า ‘ต้วนซิ่ว’ จึงสื่อความหมายถึงผู้ชายที่รักเพศเดียวกัน และเป็นที่คุ้นเคยกันดีในหมู่ครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนจวบจนปัจจุบัน
ผู้เขียนอยากจะขอเชิญท่านชาวเพจ The Showhopper ทุกท่านร่วมเฉลิมฉลองผ่านบทความนี้ไปด้วยกัน เนื่องในวารดิถีต้อนรับศกใหม่ในปฏิทินจีนปีมังกรทอง พร้อมๆ กับวันแห่งความรักของนักบุญวาเลนไทน์ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า จึงเกิดเป็นบทความเล่าถึงเรื่องราวความรักที่กลายเป็นตำนานและทิ้งร่องรอยผ่านมุขปาฐะไว้ให้คนรุ่นหลังได้รำลึกถึงสืบมา
เรื่อง: Maggie Mae
Comentários