top of page
รูปภาพนักเขียนBloomsbury Girl

รู้จัก Chappell Roan ‘ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมแห่งปี’ จาก VMAs 2024 ผู้ขับกล่อมแฟนเพลงด้วยเรื่องเล่าของเควียร์และ Drag Persona



ป็อปไอคอนของชาวเควียร์แห่งยุคของคุณคือใคร? ถ้าพูดถึงยุค 2000s อาจเป็น “Madonna” ขยับมาที่ 2010s ก็ต้อง “Lady Gaga” แต่สำหรับ 2020s แฟนเพลงมากมายต่างเห็นพ้องต้องกันว่าเป็นเธอคนนี้ “Chappell Roan” ศิลปินเจ้าของรางวัล Best New Artist จาก ‘MTV VMAs 2024’ ผู้จัดเต็มกับการสวมลุค Drag โบกสะบัดธงสีรุ้งร้องเพลงร่ำระบายถึงชีวิตของเควียร์อย่างภาคภูมิว่าคนกลุ่มเราก็ควรมีเพลงที่พูดถึงการเติบโต ความรัก ช่วงเวลาใจสลาย และความโกรธา ได้เหมือนกัน ทำให้บทเพลงของเธอโอบกอดผู้คนในยุคนี้ได้ถูกที่ ถูกเวลา

.

ในแง่ของเนื้อร้องและดนตรี คงไม่มีใครกังขาอีกแล้วว่ายัย พส. แชปเพล เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งปี 2024 ที่มาพร้อมกับคุณภาพคับแก้วของแทร่ ทั้งเส้นเสียงสุดนิ่ง โทนเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ ความเป็นเลิศทางดนตรี ไปจนถึงวิสัยทัศน์ด้านการ ‘คราฟต์’ งานเพลงของเธอ

.

เพลงที่ทำให้แชปเพลเข้าสู่ยุค ‘นักร้องดัง’ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาคือ Good Luck, Babe! บอกเล่าเรื่องราวความรักจากมุมมองของสาวแซฟฟิคแสน relatable ผู้ตกอยู่ใน situationship กับแซฟฟิคอีกคนที่ยังคงเล่นบทสเตรทเพื่อปิดบังตัวตน หลอกตัวเองว่าไม่ได้ชอบผู้หญิงด้วยการมีสัมพันธ์กับผู้ชายไปเรื่อย ทำเอาสาวเควียร์ทั่วทุกสารทิศถึงกับจุก เพราะโลกนี้มีเควียร์มากมายที่มีประสบการณ์ร่วมเรื่องการแอบกิ๊กกับคนที่ไม่ต้องการเปิดตัวเช่นนี้

.

หลายคนอาจคิดว่า นี่ล่ะๆๆ! นี่คือเวทมนตร์ที่เกิดขึ้นเมื่อศิลปินโด่งดังขึ้นมาได้ด้วยพรสวรรค์ยังไงล่ะ! แต่สิ่งที่เราอาจเผลอลืมไปคือแชปเพล โรน (Chappell Roan) ไม่ได้มีแค่พรสวรรค์เท่านั้น อีกสิ่งที่น่าประทับใจไม่แพ้กันคือพรแสวงและความยึดมั่นที่จะทำในสิ่งที่รักจนกว่าจะตายกันไปข้าง

.

“เคลีห์ โรส แอมสทุตซ์” (Kayleigh Rose Amstutz, ชื่อจริงนอกวงการของแชปเพล) โตขึ้นมาในครอบครัวอนุรักษนิยมที่ยากจน พวกเขาอาศัยอยู่ในชุมชนรถบ้านในรัฐมิสซูรี ไปโบสถ์สัปดาห์ละ 3 วัน และสอนลูกหลานว่า ‘คนเพศหลากหลายคือคนบาป’ เคลีห์อยากเป็นนักร้องมาตั้งแต่เด็ก เธอล้มลุกคลุกคลานบนเส้นทางอาชีพนักร้องมานานกว่า 10 ปีแล้ว (เริ่มตั้งแต่อายุ 16 เพิ่งจะมีชื่อเสียงจริงๆ ตอนอายุ 26) จากความทรงจำของเธอ ในช่วงปี 2019-2020 ที่เพลง “Say So” ของ “Doja Cat” กำลังดัง อาชีพนักร้องนั้นไม่สามารถทำเงินให้เธอได้มากพอ เธอจึงจำเป็นต้องทำงานพาร์ตไทม์ไปด้วยเพื่อให้สามารถร้องเพลงต่อไปได้

.

“ตอนนั้นฉันแค่รู้สึกว่าฉันจะทนทำต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันจะพยายามทำงานให้หนัก ฉันจะทำมันให้หมด ทั้งพี่เลี้ยงเด็ก คนขายโดนัท บาริสต้า จนกว่าจะถึงจุดที่ทำไม่ไหวอีกต่อไปนั่นแหละ” เธอให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Glamour

.

หัวใจหลักของความเป็นแชปเพล โรน นอกเหนือไปจากเรื่องของดนตรีและเสียงร้อง คือเรื่องของแฟชั่นและ Drag Persona ของเธอ อิทธิพลจากวัฒนธรรมแดร็กแทรกซึมอยู่ในทุกอณูของตัวตนในวงการและการแสดงบนเวทีของแชปเพล

.

ในชีวิตจริงเธออาจเป็นเคลีห์ สาวขี้อายตัวเล็กๆ ที่ไม่ประสีประสามากมาย แต่ทันทีที่ขึ้นเวที เธอจะสวม ‘หัวโขน’ ความเป็นแชปเพลแบบเดียวกับที่ศิลปินแดร็กคนหนึ่งจะเข้าสู่บทบาททันทีเมื่อแต่งหน้าเสร็จ แชปเพลนั้นต่างจากเคลีห์ เธอใจกล้าบ้าบิ่น จึงไม่เคอะเขินที่จะทำในสิ่งที่เคลีห์คงไม่ทำในชีวิตจริง อย่างการนำเรื่องบนเตียงมาแต่งเป็นเพลง หรือเล่นมุกตลกทะลึ่งๆ ต่อหน้าแฟนๆ มากมาย

.

และดีเทลอันละเอียดอ่อนเหล่านี้ซึ่งเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับผลงานเพลงไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นหลังจากแชปเพลโด่งดัง แต่เป็นทักษะที่เธอค่อยๆ สั่งสมมาตลอดเส้นทางอาชีพนักร้อง ยกตัวอย่างลุคจมูกหมูชุดแดงที่หลายคนอาจจะคุ้นเคยกันดีเพราะอยู่บนปกซิงเกิ้ลนั้นก็เป็นภาพที่ถ่ายขึ้นในคืนวันงาน Grammy Awards ปีที่แล้ว ขณะนั้นแชปเพลยังไม่มีชื่อเสียงมากพอที่จะได้รับเชิญเข้างานด้วยซ้ำ แม้จะยังไม่มีโอกาสเข้าร่วมงาน เธอตัดสินใจหยิบลุคนี้ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากซีรีส์ Twilight Zone (1959) และภาพยนตร์ Penelope (2008) ขึ้นมาแต่ง แล้วถ่ายรูปเก็บไว้

.

หรือจะเป็นอีกลุคหนึ่งที่สร้างภาพจำในฐานะ Drag Queen คนหนึ่งให้กับแชปเพล นั่นคือลุคเทพีเสรีภาพ (Liberty) ที่เธอหยิบมาแต่งในช่วง Pride Month ณ วันขึ้นแสดงที่งาน Governors Ball โดยสาเหตุที่เลือกมาเป็นเพราะเทพีนั้นเป็นตัวแทนของเสรีภาพในทุกด้านของชีวิต

.

“จงส่งมวลชนผู้อ่อนล้า ผู้ยากไร้ ผู้เบียดเสียดกระเสือกกระสนควานหาเสรีในโลกเก่า มาสู่ดินแดนของข้าในโลกใหม่” แชปเพลกล่าวในงานวันนั้น

.

แม้กลอนบทนี้จะเป็นบทกวีคลาสสิกที่สลักอยู่ที่แท่นของรูปปั้นเทพีมานาน และมีความหมายเดิมว่าอเมริกาเป็นดินแดนที่คนจนในยุโรปจะสามารถมาสร้างเนื้อสร้างตัวจนมีกิน มีใช้ และมีเสรีภาพ แต่ในวันนั้น สารนี้ถูกส่งจากแชปเพล โรน ไปยังผู้หญิง คนข้ามเพศ และคนตัวเล็กๆ ในสังคม เพื่อสื่อว่าในยุคสมัยแห่งความหลากหลาย พวกเขาทุกคนจะได้รับการปลดแอกจากการกดขี่

.

เรื่อง: Bloomsbury Girl

.

ที่มา

.



ดู 0 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Commentaires


bottom of page