top of page

No.60 ถอดกลไกผ่านการศึกษานาฏศิลป์ไทย 20 ปี ยกระดับ ‘ท่ารำ’ สู่ความร่วมสมัยที่จับต้องได้

ree

นาฏศิลป์ไทยมีอายุนานถึง 700 ปี ถูกสืบสานและอนุรักษ์จากรุ่นสู่รุ่น เป็นวัฒนธรรมที่ได้รับการเคารพยกย่องตลอดมา ด้วยองค์ความรู้ที่มีอายุนานขนาดนี้ เป็นไปได้หรือไม่ ในโลกที่หมุนไปทุกวัน นาฏศิลป์ไทยจะสามารถปรับเปลี่ยนตามยุคสมัยหรือควรจะอยู่ในรูปแบบเดิมตลอดไป วันนี้ The Showhopper - ไปดูมาแล้ว จะพาทุกคนมารู้จักกับการแสดงชุด “No.60” การแสดงที่สามารถตอบคำถามข้างต้นได้เป็นอย่างดี ผ่านการขยายขอบเขตของท่ารำ ด้วยการถอดเรื่อง ‘วัฒนธรรม’ ออกไปและคงเหลือ ‘การเต้น’ ที่จับต้องได้ไว้ให้ผู้ชมพิสูจน์

.

“No.60” ถูกสร้างขึ้นจากประสบการณ์ศึกษาวิจัยตลอด 20 ปี เกี่ยวกับ ‘แม่บทใหญ่’ หรือท่วงท่านาฏศิลป์ไทยพื้นฐาน 59 ท่า เป็นท่าที่ผู้เรียนนาฏศิลป์ทุกคนล้วนเคยผ่านการฝึกฝนกันมา ซึ่งถูกวิเคราะห์ ถอดกลไก และสรุปเป็นหลักการโดย ‘อาจารย์พิเชษฐ กลั่นชื่น’ นักเต้นและนักออกแบบท่าเต้นไทยร่วมสมัย เจ้าของคณะเต้น Pichet Klunchun Dance Company (PKDC) ศิลปินรางวัลศิลปาธร และเป็นผู้สร้างผลงานนาฏศิลป์ไทยร่วมสมัยอย่าง No.60 ที่ตั้งชื่อการแสดงต่อเนื่องจาก 59 ท่าของการรำแม่บทใหญ่ โดยชื่อนี้มาจากการที่อาจารย์พิเชษฐอยากทำความเข้าใจกลไกเบื้องหลังท่ารำทั้งหมดเพื่อคิดค้นท่าที่ 60 ขึ้นใหม่

.

ครั้งนี้ถือว่าพิเศษมากที่ทางคณะเต้นของอาจารย์พิเชษฐ (Pichet Klunchun Dance Company) ได้นำการแสดงกลับมาที่ไทยบ้านเกิดของตัวเองเป็นครั้งแรก ในงานประชุมวิชาการนานาชาติ APARN 2025 ณ โรงละครสดใสพันธุมโกมล เมื่อวันที่ 1 - 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากเคยเดินทางแสดงมาแล้วถึง 10 เมือง 8 ประเทศ ทั้งโยโกฮาม่า, เกียวโต, ไทเป, เบอร์ลิน, อูเมอา, ออสโล, เดรสเดน, สิงคโปร์, จาการ์ตา และฮ่องกง จนเป็นที่ประทับใจของผู้ชมหลายประเทศ และทำให้มีผู้ชมต่างชาติบางส่วนเดินทางมาที่ไทยเพื่อรับชมการแสดงในครั้งนี้ตามคำชื่นชมเลยทีเดียว

.

การแสดงทั้งหมดเริ่มขึ้นด้วยการฉายภาพท่ารำแม่บทใหญ่ทั้ง 59 ท่า พร้อมด้วยชื่อของแต่ละท่าบนโปรเจคเตอร์กลางเวที และยังมีการวาง ‘Diagram เรขาคณิต’ ทับบนท่ารำเหล่านั้น ชวนให้นึกถึงภาพวาด “Vitruvian Man” ของ Leonardo da Vinci ไม่มีผิด เป็นการเปิดการแสดงที่ทำให้ผู้ชมรู้ได้ทันทีเลยว่า ท่ารำนาฏศิลป์ไทยมีกลไกและหลักการซ่อนอยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่เพียงแค่ท่าทางการขยับร่างกายเพื่อสื่อความหมายเท่านั้น เพราะแต่ละท่าล้วนมีองศาและรูปทรงเรขาคณิตที่พบได้ผ่านองค์ประกอบต่างๆ ของท่า เช่น การตั้งวง การจีบ การตั้งเข่า การก้าวเท้า และอื่นๆ

.

หลังจากที่ฉายภาพท่ารำจนครบแล้ว นักแสดงดาวเด่นของโชว์อย่าง อาจารย์พิเชษฐ และนักเรียนในคณะ ‘กรกาญจน์ รุ่งสว่าง’ ก็ได้เปิดตัวบนเวทีและเริ่มบรรเลงท่วงท่าการรำแม่บทใหญ่ แต่เป็นสไตล์ใหม่ที่ถูกทำให้กลายเป็นการเต้นอย่างเต็มรูปแบบ โดยไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์การรำไทยแบบเดิมๆ และสามารถรักษาหัวใจเดิมของนาฏศิลป์ไทยไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะการเต้นนี้ยังคงไว้ซึ่ง Diagram เรขาคณิตของแต่ละท่าที่ฉายไว้ในช่วงต้น ทำให้ผู้ชมยังสามารถรับรู้ได้อยู่ว่านี่คือนาฏศิลป์ไทย ยังมีความงดงามเช่นเดิม และเพิ่มเติมความร่วมสมัยเข้าไป ทั้งหมดนี้จึงช่วยให้ผู้ชมเข้าถึงการแสดงได้ง่ายยิ่งขึ้น

.

ท่ารำทั้งหมดที่ถูกนำมาถอดเป็น Diagram เรขาคณิตในการแสดง สามารถอธิบายได้ด้วยหลักการ No.60 ที่คิดขึ้นโดยอาจารย์พิเชษฐ ประกอบด้วยทั้งหมด 6 อย่าง ได้แก่ ‘พลังงาน’ ที่คอยส่งไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย, ‘วงกลมและเส้นโค้ง’ ที่มีการดัดข้อมือ จีบ หรือม้วนจีบเป็นวงกลมตลอดในการรำ, ‘ความสัมพันธ์ของโครงสร้างท่า’ ที่จะเชื่อมโยงเสมอในทุกเคลื่อนไหวของท่ารำ, ‘จุด’ ที่ใช้กำหนดความแม่นยำและความหมายของท่ารำ, ‘พื้นที่ว่างโครงสร้างท่า’ ที่ใช้ในการสร้างท่าจากพื้นที่ว่าง และ ‘การเคลื่อนย้ายความสัมพันธ์’ ที่ใช้ปรับเปลี่ยนทิศทางของร่างกายหรือการใช้พื้นที่

.

ทั้ง 6 อย่างนี้ ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ปรากฏอยู่ในทุกท่ารำ และในชีวิตประจำวันของเราทุกคนเองก็ล้วนมีหลักการนี้ประยุกต์ในการเคลื่อนไหวอยู่เสมอ ถือเป็นการคิดค้นหลักการที่เฉียบแหลม สมกับระยะเวลาในการศึกษาวิจัยเรื่องท่ารำแม่บทใหญ่ถึง 20 ปี จนเกิดขึ้นเป็นหลักการและท่ารำในการแสดงชุด No.60 ที่สร้างความตราตรึงให้กับผู้ชมไม่น้อย

.

นอกเหนือจากท่วงท่าที่น่าจดจำแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันในการแสดงก็คือ ‘งานเสียง’ เพราะมีการหยิบใช้ “เพลงวา” เพลงหน้าพาทย์ที่ใช้บอกถึงเวลาใกล้เริ่มและใกล้จบของการแสดง นำมาปรับแปลงให้ร่วมสมัยและส่งอารมณ์ยิ่งขึ้น ด้วยฝีมือของ ‘Zai Tang’ ศิลปินชาวสิงคโปร์-อังกฤษ Sound Artist ผู้นั่งอยู่ริมเวทีและคอยมิกซ์เสียงสุดแสนไม่ธรรมดาให้กับการแสดงชุดนี้ 

.

ฉากในการแสดง แม้จะไม่มีอะไรไปมากกว่าพื้นที่โล่งที่ใช้เต้น ภาพฉายจากโปรเจคเตอร์ และผ้าม่านสะท้อนแสงวิบวับที่ถูกแขวนสูงเหนือเวที แต่กลับสามารถสื่อความหมายได้อย่างทรงพลัง โดยเฉพาะกับการแสดงในช่วงท้าย ที่นักแสดงทั้งสองคนได้นำท่ารำ ร้อยเรียงเป็นเรื่องราวการต่อสู้กับกรอบดั้งเดิมของวัฒนธรรมที่คอยกดทับให้นาฏศิลป์ไทยยากจะจับต้อง ผ่านสัญญะต่างๆ ที่ถูกส่งมาผ่านลีลาการเต้น และแสง เสียง ฉาก ที่คอยช่วยซัพพอร์ตประเด็นที่ต้องการสื่อสาร เช่น การนำผ้าม่านลงมาในช่วงท้ายช่วยสะท้อนความสูงส่งของวัฒนธรรมที่ถูกดึงลงมาให้เข้าถึงได้ เรียกได้ว่า ทุกอย่างที่ถูกปูไว้ตลอดการแสดงถูกนำกลับมาใช้อย่างชาญฉลาดในช่วงท้ายเพื่อสื่อสารประเด็นกับผู้ชม

.

สรุปแล้ว “No.60” เป็นการแสดงนาฏศิลป์ไทยร่วมสมัยที่ไม่ได้ทำลายรูปแบบดั้งเดิม ต่อให้ถอดคำว่าวัฒนธรรมออกไปก็ตาม ยังเป็นศิลปะที่มีความงดงามและรักษาแก่นแท้ของมรดกวัฒนธรรมไทยไว้ แม้จะไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์ที่มีมา ด้วยความวิจิตร แปลกใหม่ และเปี่ยมความหมาย การแสดงชุดนี้จึงไม่ยากที่จะทำให้ผู้ชมตระหนักว่า “ศิลปะสามารถเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย และผู้คนเองก็สามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องยอมสยบจำนน”

.

เรื่อง: Phakkearth (Intern)

.

#TheShowhopper #ไปดูมาแล้ว #No.60 #pichetklunchun #pichetklunchundancecompany 

#DramaArtsChula #aparn2025 #APARN #อักษรจุฬา


ความคิดเห็น


©2023 by The Showhopper

bottom of page