top of page

“Wuthering Heights” จากวรรณกรรมโกธิคสุดดาร์กสู่หนังโรมานซ์เพลงประกอบ Charli XCX

  • รูปภาพนักเขียน: Bloomsbury Girl
    Bloomsbury Girl
  • 20 ชั่วโมงที่ผ่านมา
  • ยาว 1 นาที
ree

ปล่อยเทรลเลอร์ตัวแรกออกมาไม่ทันไร แฟนๆ นิยายต้นฉบับก็วีนฉ่ำลากยาวไม่เว้นเสาร์อาทิตย์กันเลยทีเดียว กับ “Wuthering Heights” (2026) หนังรักพีเรียดเรื่องใหม่ที่จะเข้าฉายวันวาเลนไทน์ปีหน้า

.

สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดู ขอสรุปให้ฟังสั้นๆ ว่าชีเสิร์ฟความเสวตั้งแต่ต้นจนจบคลิปอย่างกับ Fifty Shades of Grey ทั้งที่แฟนหนังสือคาดหวังความดาร์กโทนซีเรียสฟีล Nosferatu

.

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โปรดักชันเรื่องนี้ตกเป็นประเด็นถกเถียง ช่วงกลางปี 2024 ที่มีการประกาศแคสต์ครั้งแรก สำนักข่าวหลายเจ้าพาดหัวข่าวว่าการเลือก Jacob Elordi มาเล่นบทฮีธคลิฟฟ์ เป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์ เพราะพระเอกผิวเข้มทรงมอมรายนี้ กลุ่มผู้อ่านและนักวรรณดีวิจารณ์ตีความกันมานักต่อนักว่าน่าจะเป็นชาวโรมานี (ชนชาติที่เมื่อก่อนเรียกกันว่ายิปซี) หรือไม่ก็มีเชื้อแอฟริกันไปเลย

.

อีกทั้งเมื่อราว 6 เดือนก่อน เคยมีรูปจากกองถ่ายปล่อยออกมา ชุดที่ Margot Robbie ในบทแคธีสวมตกเป็นเป้าของเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึง 2 ชุดในเวลาไล่เลี่ยกัน ประกอบไปด้วยชุดสีดำในฉากงานศพที่เผยเนินอกและหัวไหล่เยอะจนดูผิดยุคสมัย และชุดแต่งงานที่กองดีไซน์ให้เป็นชุดขาวทั้งที่เจ้าสาวยุคนั้นไม่ใส่ชุดขาวแต่งงาน

.

กลับมาเป็นกระแสคราวนี้ เมื่อได้เห็นงานภาพสุดอีโรติกในเทรลเลอร์ บวกกับซาวด์ประกอบทรงอย่าง brat จากสาว Charli XCX คอหนังหลายคนก็เริ่มได้กลิ่นตุๆ บางอย่างลอยมาเป็นสัญญาณของการสับขาหลอก ไม่แน่ว่านักแสดงที่ดูแคสต์มาผิดที่ผิดทาง กับคอสตูมที่ดูเซ็กซี่ฉูดฉาดผิดยุคผิดสมัย อาจเกิดจากความตั้งใจจะ ‘ทวิสต์’ แง่มุมบางอย่างจากนิยายเรื่องนี้

.

Wuthering Heights (1847) คือนิยายแนวโกธิคอันเป็นผลงานขนาดยาวเพียงเรื่องเดียวจากปลายปากกาของ Emily Brontë เล่าถึง ‘ฮีธคลิฟฟ์’ เด็กกำพร้าที่ถูกเก็บมาเลี้ยงในตระกูลเอิร์นชอว์ จนผูกสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ ‘แคเธอรีน’ ลูกสาวเจ้าของบ้าน แต่ชนชั้น สถานะ และความดื้อรั้นของทั้งคู่กลับทำให้ความรักเปี่ยมไปด้วยพลังทำลายล้าง กลายเป็นคำสาปที่สร้างรอยร้าวระหว่างตระกูลเอิร์นชอว์กับตระกูลลินตัน (ตระกูลคู่หมั้นของแคธี) ส่งต่อทรอม่าบาดลึกจากรุ่นพ่อแม่ไปสู่รุ่นลูก เท่านั้นไม่พอ ยังทิ้งวิญญาณเฮี้ยนแห่งความแค้นให้สิงสู่อยู่ในบ้านกลางทุ่งในหุบเขาพายุ

.

ฟังจากเนื้อเรื่องย่อๆ ก็น่าจะปวดตับพอใช้ หลอนอยู่พอประมาณ และไม่น่าจะมีอะไรให้เซ็กซี่มากนัก แต่เชื่อไหม ถึงจะไม่ได้มีฉากอย่างว่าเลย แต่การที่พระนางหมกมุ่น ยึดติด ควบคุมบงการ และอยากครอบครองกันและกันจนเรื่องราวอีนุงตุงนัง ก็มากพอที่จะทำให้ความสัมพันธ์นี้ดูฮอตปรอทแตกในสายตาฐานคนอ่านเมื่อร้อยปีที่แล้ว

.

เพราะความเป็นชายสไตล์ดิบเถื่อนนี้เอง คือหนึ่งในสิ่งที่ให้ฮีธคลิฟฟ์ดูโดดเด่นท่ามกลางบรรดาพระเอกสุภาพบุรุษชนชั้นสูงทั้งหลาย เขาจึงเป็นหนึ่งในต้นแบบสำคัญของพระเอกร้ายๆ แนว Antihero ผู้โกรธเคืองโลกใบนี้ แล้วก็แน่นอนว่า ตลอดร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ย่อมมีผู้อ่านหญิงจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกว่าตัวละครแบบนี้มีเสน่ห์ดึงดูด 

.

Jack Walters ผู้สื่อข่าวจาก ScreenRant ออกตัวเดาก่อนเลยว่า น่าจะมีทวิสต์ในองก์หลังๆ ที่เฉลยว่าเรื่องราวที่เราเห็นในหนัง เป็นภาพ sexual fantasy ในหัวของนักอ่านสาวนางหนึ่งที่อยากเป็นแคธีหรือเปล่า เพราะอย่าลืมว่า นอกจากผู้กำกับจะเป็น Emerald Fennell เจ้าของผลงาน Promising Young Woman (2020) และ Saltburn (2023) แล้ว ผู้รับบทนางเอกยังเป็นถึง Margot Robbie เชียวนะ เธอเป็นคนก่อตั้งบริษัทผลิตหนัง LuckyChap Entertainment เพื่อมุ่งเน้นสร้างบทบาทผู้หญิงที่ซับซ้อนและแข็งแรง คงไม่เลือกรับบทพีเรียดแบนๆ ที่สะเพร่าเรื่องคอสตูมหรอกมั้งงง

.

ถ้าทฤษฎีนี้เป็นจริง ทุกอย่างก็จะลงล็อก ทั้งช้อยส์ดนตรีประกอบ แคสต์พระนางที่ดูไม่ค่อยเหมาะ (ช่วงแรก มาร์โกต์เองก็ได้รับเสียงตอบรับว่าอายุเยอะเกินจะรับบทแคธีที่ตายตั้งแต่ยังไม่ทันจะ 20)

.

รวมถึงเครื่องหมายคำพูดที่ผู้สร้างจงใจใส่มาในชื่อ “Wuthering Heights” จนดูแปลกตา อย่างกับจะบอกว่า ‘Wuthering Heights ว่าซั่น~’

.

แล้วชาวเพจล่าา ใครไปลองดูเทรลเลอร์แล้วถูกใจหรือขัดใจอะไรบ้างไหม? มาเม้ากานนนน

.

เรื่อง: Bloomsbury Girl

.


ความคิดเห็น


©2023 by The Showhopper

bottom of page