top of page

ครบรอบ 50 ปี JAWS หนังฉลามในตำนานและแรงบันดาลใจ ละครเวที The Shark Is Broken

ree


🎬 ปี 1975 ไม่ได้เป็นปีที่มีแค่สงครามเวียดนามที่จบลง บริษัท Microsoft ที่เปิดตัว วง Queens ที่ปล่อยเพลง “Bohemian Rhapsody” หรือรายการ Saturday Night Live ที่ออกอากาศเป็นครั้งแรก แต่มันยังเป็นปีที่ความเขย่าขวัญถูกเสิร์ฟขึ้นใหม่บนแผ่นฟิล์มจากการมาถึงของ Jaws 

.

50 ปีมาแล้วที่ผู้คนมักจินตนาการถึงเงาทะมึนเวียนว่ายใต้ผืนทะเลอันกว้างใหญ่ หรือจินตนาการว่าได้ยินเสียงดนตรีสุดสะพรึงเตือนให้ระวังภัยที่กำลังรุกคืบเข้ามายามเรากำลังดำผุดดำว่าย กระทั่งเรื่องราวความสำเร็จที่มาพร้อมกับความท้าทายในงานสร้างก็ยังได้รับความสนใจจากผู้คนมาจนทุกวันนี้ Jaws จึงไม่ใช่แค่หนังดังเรื่องหนึ่ง แต่มันคือปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่ฝากร่องรอยไว้นานัปการ ทั้งในมิติของอุตสาหกรรมบันเทิง และผลกระทบต่อสังคม

.

อะไรทำให้ Jaws พลิกโฉมวงการภาพยนตร์ไปตลอดกาล?

.

.

🦈 เมื่อคำว่า ‘Blockbuster’ ได้จุติขึ้น

.

แท้จริงแล้วคำนี้หมายถึงระเบิดขนาดใหญ่ซึ่งเป็นยุทโธปกรณ์ทางอากาศที่สามารถทำลายอาคารทั้งตึกได้ โดยเริ่มปรากฏในสื่อสิ่งพิมพ์ของอเมริกาช่วงยุค 40 และหลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีการนำมาใช้นิยามลักษณะของภาพยนตร์ แต่ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก

.

ก่อนหน้าที่จะมี Jaws ภาพยนตร์มักเข้าฉายแบบค่อยเป็นค่อยไปในโรงหนังเพียงไม่กี่แห่งแล้วจึงค่อย ๆ ขยายวงกว้าง แต่กับเรื่องนี้นั้น Universal Pictures ไม่เล่นตามสูตรเดิม

.

พวกเขาทุ่มงบแบบไม่เคยมีใครกล้าทำมาก่อน โดยใช้งบถึง 1.8 ล้านเหรียญเพื่อทำการตลาด (ในจำนวนนี้เป็นงบโฆษณาทางทีวีเพื่อฉายในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ถึง 7 แสนเหรียญ) และเข้าฉายพร้อมกันในโรงหนังกว่า 400 แห่งทั่วอเมริกาช่วงหน้าร้อน อันเป็นช่วงเวลาที่ผู้ชมวัยหนุ่มสาวมักมีเวลาว่าง ซึ่งการเปิดตัวด้วยจำนวนโรงที่เยอะขนาดนี้นับว่าผิดแผกไปจากการตลาดยุคนั้นมาก


อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์นี้ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น Jaws กลายเป็นหนังเรื่องแรกที่ทำรายได้ทะลุ 100 ล้านเหรียญในสหรัฐฯ และสร้างคัลเจอร์การชมภาพยนตร์ในช่วงฤดูร้อนให้แพร่หลาย สิ่งนี้ก่อให้เกิด business model แบบใหม่ที่เรียกว่า ‘Summer Blockbuster’ ซึ่งกลายเป็นพิมพ์เขียวสำหรับหนังฟอร์มยักษ์มาถึงปัจจุบัน

.

🦈 หนังฉลามที่ฉลามไม่เป็นใจ

.

หนึ่งในเรื่องราวเบื้องหลังที่โด่งดังที่สุดของ Jaws คือ ความยากเย็นแสนเข็ญในการควบคุมฉลามกลไกที่ชื่อว่า ‘Bruce’ (ทีมงานตั้งชื่อให้ตามชื่อทนายของผู้กำกับ Steven Spielberg) พี่บรูซมักเสียอยู่เสมอ ซึ่งส่งผลให้การถ่ายทำยืดเยื้อออกไปหลายสัปดาห์ งบก็ค่อย ๆ บานปลายขึ้น ในขณะที่นักแสดงหลัก 3 คนอย่าง Roy Scheider, Richard Dreyfuss และ Robert Shaw ก็ต้องติดแหง็กอยู่บนเรือ Orca เหมือนไม่มีวันสิ้นสุด

.

จากปัญหาการไม่ให้ความร่วมมือของพี่บรูซ ทำให้สปีลเบิร์กตัดสินใจไม่นำฉลามมาปรากฏตัวบนจอมากนัก และอาศัยสกิลความเป็น storyteller มือหนึ่งของเขามาบิดวิธีเล่าเรื่องใหม่ โดยเปลี่ยนไปใช้เทคนิคมุมกล้อง การตัดต่อ และดนตรีประกอบเพื่อกระตุ้นความกลัวของผู้ชมโดยไม่ให้เห็นคาแรคเตอร์ฉลามแทน

.

ผลก็คือมันทำงานกับคนดูได้อย่างสุดขีด เพราะความกลัวที่มองไม่เห็นนั้นทรงพลังกว่าเสมอ จนเกิดเป็นสูตรสำเร็จสำหรับหนังสยองขวัญที่คนรุ่นหลังหยิบยืมใช้สอยตามกันเรื่อยมา …น่าคิดนะครับว่า ถ้าพี่บรูซทำงานได้ดีตั้งแต่ทีแรก Jaws อาจไม่กลายเป็นตำนานเช่นทุกวันนี้ก็ได้

.

🦈 เสียงที่ทำให้โลกขยาดท้องทะเล

.

เราไม่สามารถพูดถึง Jaws โดยไม่พูดถึงสกอร์สุดไอคอนิคของปู่ John Williams ได้เลย ธีมหลักของหนังนั้นใช้โน้ตเพียงสองตัวบนเสียงต่ำของเครื่องสายที่เล่นซ้ำ ๆ สลับกันไปมาอย่างง่าย ๆ แต่ฟังแล้วรู้สึกถึงความอึดอัดน่าหวาดผวา เป็นเสียงของการคุกคามที่ถูกออกแบบมาอย่างมีศิลปะชั้นเชิง

.

ครั้งแรกที่ปู่จอห์นเล่นธีมนี้ให้ฟังจากเปียโน สปีลเบิร์กถึงกับหัวเราะเพราะคิดว่าคอมโพเซอร์คนนี้กำลังล้อเขาเล่นแน่ แต่วิลเลียมส์เอาจริง เขาเชื่อว่าความเรียบง่ายคือพลัง และธีมนี้จะกลายเป็น ‘เสียงของฉลาม’ ที่ผู้ชมจดจำได้ทันที

.

แล้วมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เป็นเสียงของความไม่แน่ใจ ความหวาดระแวง ความกลัวที่ค่อย ๆ คืบคลานเข้าหา จนกลายเป็นซิมโบลแห่งความเขย่าขวัญที่ยังฝังรากอยู่ในความทรงจำของคนดูตลอดมา และยกระดับขึ้นไปเป็นภาษาสากลที่สื่อถึงความระทึกในโลกภาพยนตร์

.

ในบางจังหวะ การไม่ใส่ดนตรีเลยก็เป็นเครื่องมือชั้นดีที่จอห์น วิลเลียมส์เลือกใช้ โดยมีแค่เสียงบรรยากาศทั่วไปของฉากเท่านั้น ผู้ชมจะถูกตัดขาดจากฉลามโดยไม่รู้ตัว คิดว่าแท้จริงแล้วไม่มีอันตรายซ่อนอยู่ และถูกหลอกให้วางใจกับสถานการณ์ตรงหน้า คอนเซปต์นี้เห็นได้ชัดในฉากงานวันชาติที่ชาวเมืองหลั่งไหลมาพักผ่อนที่ชายหาด แต่แล้วจู่ ๆ เหนือผิวน้ำก็ปรากฏให้เห็นครีบสีดำแหวกว่ายฝ่าเข้ามาในฝูงชน

.

สปีลเบิร์กเคยกล่าวว่า ‘ดนตรีของวิลเลียมส์คือครึ่งหนึ่งของความสำเร็จของ Jaws’ และเขาก็พูดถูกแบบไม่มีข้อโต้แย้ง เพราะมันยังคงเป็นสกอร์ที่หลอกหลอนเราทุกคนจนทุกวันนี้

.

🦈 การเดินทางสู่เวทีละคร

.

เหตุการณ์ที่หลายคนอาจทราบกันดีอยู่แล้วก็คือ เมื่อครั้งที่รอย ไชเดอร์, ริชาร์ด เดรย์ฟัส และโรเบิร์ต ชอว์ ตกอยู่ท่ามกลางการรอคอยอันแสนยาวนานบนเรือ Orca บรรยากาศตึงเครียดและการโต้เถียงที่ดุเดือดก็เริ่มก่อตัวขึ้น อันเป็นผลมาจากความกดดันและความเบื่อหน่ายของทุกคน รวมไปถึงการดื่มหนักของชอว์ ผู้ซึ่งมีประวัติการติดแอลกอฮอล์อยู่ก่อนแล้ว

.

แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือ เรื่องราวเหล่านี้ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ Ian Shaw ลูกชายของโรเบิร์ต ชอว์ นำมาเขียนเป็นบทละครเวทีที่ชื่อว่า ‘The Shark Is Broken’ และตัวเขาก็รับบทเป็นพ่อตัวเอง โดยเปิดแสดงครั้งแรกเมื่อปี 2019 และเคยไปเปิดที่เวสต์เอนด์กับบรอดเวย์มาแล้ว

.

ละครนำเสนอเบื้องหลังความอลหม่านนี้ในรูปแบบที่ขบขันระคนเจ็บปวด ผ่านบทสนทนาอันเข้มข้นที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กล้องหยุดหมุนและความจริงของมนุษย์เริ่มเผยออกมา ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้ง ความเปราะบางในจิตใจ หรือความพยายามที่จะเข้าใจว่าหนังที่พวกเขากำลังสร้างนั้น “มันหมายถึงอะไร” กันแน่

.

ในโลกจริง หนึ่งในโมเมนต์น่าจดจำที่สุดของโรเบิร์ต ชอว์ใน Jaws ก็คือฉากที่เขาพูดถึงเรือ USS Indianapolis …ที่ตลกก็คือ ปกติชอว์เมาแทบทุกวันที่ถ่ายทำ ยกเว้นอยู่ซีนเดียวคือซีนที่ตัวละคร ‘ควินท์’ ของเขาต้องเมา! ซึ่งก็คือซีนนี้นั่นเอง

.

แรกทีเดียวเขาขออนุญาตสปีลเบิร์กเพื่อดื่มจริงก่อนเข้าฉาก หมายมั่นว่าซีนนี้ต้องสมจริงที่สุด ปรากฎว่าเขาเมาเกินไปและแสดงไม่ได้ ทำให้สุดท้ายต้องยกไปถ่ายทำใหม่ทั้งซีนในวันรุ่งขึ้น ซึ่งชอว์ก็แก้ตัวโดยไม่ดื่มเลยจนได้เป็นซีนในตำนานอย่างที่เห็น เรียกว่าเกือบหลับแต่กลับมาได้ที่แท้ทรูมาก ๆ

.

อย่างไรก็ตามการดื่มแบบไม่หยุดหย่อนจนส่งผลต่องาน ก็ทำให้ริชาร์ด เดรย์ฟัสตึง ๆ กับโรเบิร์ต ชอว์ตลอดเวลา โดยมีรอย ไชเดอร์เป็นคนคอยประนีประนอมอยู่ระหว่างกลาง และการปะทะอารมณ์ทำนองนี้นี่เองก็กลายมาเป็นการเชือดเฉือนสุดเข้มข้นบนเวทีละครที่กวาดเสียงชื่นชมไปได้ท่วมท้น

.

🦈 ปรากฏการณ์ทางสังคม

.

ยังมีควันหลงจาก Jaws เหลืออยู่มากมายตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ซึ่งแรงกระเพื่อมจากความโด่งดังของหนังนั้นได้นำมาซึ่ง ‘ความหลงใหล’ สำหรับผู้ที่เทิดทูน และสร้าง ‘ความเกลียดชัง’ สำหรับผู้ที่หวาดกลัว

.

ในแง่ความคลั่งไคล้ โลเคชันที่ใช้ในการถ่ายทำอย่างเกาะ Martha’s Vineyard ในรัฐแมสซาชูเซตส์กลายเป็นแลนด์มาร์คที่ใคร ๆ ก็อยากไปตามรอย สินค้าหลากหลายที่เชื่อมโยงถึงหนังก็ถูกผลิตออกมาเพื่อเอาใจแฟนคลับ งาน parody หรือ inspiration ด้านอื่น ๆ ก็มีไม่น้อยที่รับอิทธิพลโดยตรงจาก Jaws นอกจากนี้ยังเป็นได้กระทั่งแรงจูงใจที่ทำให้คนรุ่นหลังอยากเป็นนักสร้างหนัง รวมไปถึงปัจจุบันตามโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ก็มีการรวมตัวกันของกลุ่มคนรัก Jaws ด้วย

.

ขณะเดียวกัน ในแง่ความเกลียดกลัวที่เกิดขึ้นก็ถึงขั้นทำให้ผู้คนหวาดผวาไม่กล้าลงทะเลไปเลย ต้องลองนึกภาพตามว่า ในสมัยนั้นที่ผู้คนยังมีภูมิต้านความสยองขวัญต่ำกว่านี้ ยังไม่ถูกทำให้กลัวโดยสื่อ หรือไม่ได้ตระหนักถึงแง่มุมอันตรายของท้องทะเลเท่าทุกวันนี้ การที่อยู่ ๆ มีหนังเรื่องหนึ่งโผล่มาทำให้คนทั้งโลกขวัญผวา คงเป็นอิมแพคท์ที่แรงอยู่ไม่น้อย

.

หนักสุดคือ จากที่เคยอยู่เฉย ๆ ของมัน ฉลามก็ถูกผลักให้เป็นปีศาจในสายตาทุกคน กลายเป็นมหันตภัยแห่งท้องทะเลไปโดยปริยาย เกิดการล่าฉลามโดยน้ำมือของมนุษย์ที่มาจากทั้งความกลัวและความเกลียด ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อประชากรฉลามจนต้องมีการรณรงค์โดยองค์กรทั่วโลกมากมาย

.

ทั้งหมดทั้งมวลคือเศษเสี้ยวจากเรื่องราวของ Jaws ที่ยังคงมนต์เสน่ห์ไม่เสื่อมคลายมาอย่างยาวนาน และ 25 กันยายนนี้ หนัง 3 ออสการ์เรื่องนี้ (ดนตรี, ลำดับภาพ, เสียง) จะกลับมาฉายอีกครั้งในวาระครบรอบ 50 ปี ไม่ว่าคุณจะเคยดูมาแล้ว หรือได้ยินเพียงกิตติศัพท์มานานแสนนาน นี่คือโอกาสครั้งสำคัญที่คุณจะได้สัมผัสความกลัวระดับขึ้นหิ้งบนจอใหญ่ชนิดที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงเลยทีเดียวครับ

.

เรื่อง: Gaslight Café

.


ความคิดเห็น


©2023 by The Showhopper

bottom of page