top of page

คอบิด พุงโบ๋ แซ่บไม่คลายตายไม่ลง! แกะเบื้องหลังเอฟเฟกต์เหนือธรรมชาติ ในมิวสิคัล “Death Becomes Her”

อัปเดตเมื่อ 18 ส.ค.

ree

💀 ยังจำฉากสุดไอคอนิกเหล่านี้กันได้มั้ย ทั้ง ‘Meryl Streep’ โดนฟาดคอหมุนกลับหลัง ‘Goldie Hawn’ โดนยิงท้องโบ๋รูเบ้อเริ่ม ‘Bruce Willis’ ผลักเมียตกบันไดยาวเป็นพืด! หรือถ้าพูดถึง gen ใหม่ๆ หลายคนอาจจะจำฉากเหล่านี้ได้จาก MV เพลง “Taste” ของ ‘Sabrina Carpenter’ ที่มีการคารวะซีนไอคอนิกเหล่านี้ไปเต็มๆ

.

ฉากฮาปนสะพรึงทั้งหมดนี้มาจากภาพยนตร์ตลกร้ายในตำนาน อย่าง “Death Becomes Her” (1992) ที่ว่าด้วยเรื่องราวของสองชีอมตะที่ตบตีชิงดี ชิงเด่น และชิงผู้ ซึ่งภาพจำแห่งวันวานที่แฟนหนังรัก บัดนี้ได้ฟื้นคืนชีพกลับมาในรูปแบบบรอดเวย์มิวสิคัล ที่เข้าชิง Tony Awards ไปถึง 10 รางวัล พร้อมด้วยกระแสชื่นชมถล่มทลายจากนักวิจารณ์และแฟนๆ แถมส่งให้วลี “That was rude” แมสเป็นเทรนด์ไปทั้งโซเชียลอีก เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาสุดจะปั๊วะปัง สมเป็นละครเวทีของตัวแม่อย่างแท้จริง วันนี้ The Showhopper - Behind The Scenes เลยอยากพาผู้อ่านมาส่องเบื้องหลังความสำเร็จของละครเรื่องนี้กัน

.

ด้วยความที่ Death Becomes Her เป็นภาพยนตร์ Body Horror ที่ต้องใช้เทคนิคพิเศษในเรื่องเยอะ ไหนจะทั้งคนฟาดกัน คนยิงกัน คนแปลงร่าง และยังเป็นถึงเจ้าของออสการ์สาขาวิชวลเอฟเฟ็กต์ด้วย พอนำเรื่องราวมาเล่าบนเวที แสดงกันสดๆ ต่อหน้าผู้ชมนับพัน จะสามารถสร้างเวทมนตร์ให้เหมือนในภาพยนตร์​ได้อย่างไรโดยไม่ใช้การตัดต่อและทำให้ผู้ชมยังตะลึงเหมือนเดิม คำตอบคือ ละครเรื่องนี้ทำได้!

.

“ผมรู้จักหนังเรื่องนี้ดี แล้วก็คิดในใจ โอ้โห งานนี้ต้องมีฉากยากเพียบแน่”

.

นี่คือสิ่งที่ ‘Tim Clothier’ พูด หลังจากถูกชวนมาช่วยเนรมิตเทคนิคพิเศษใน Death Becomes Her เขาเป็นทั้งนักมายากลและเจ้าของ ‘Illusion Projects’ บริษัทสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ที่อยู่เบื้องหลังโชว์ดังๆ อย่าง ‘Blue Man Group’ และ ‘Cirque du Soleil’ โดย Clothier ไม่เคยมีผลงานในละครเวทีจริงจังมาก่อน จนกระทั่งละครเวทีเรื่องนี้กำลังจะเป็นเรื่องแรกที่เขาเดบิวต์บนบรอดเวย์ ต่อจาก ‘Rob Lake’ ที่เคยดูแลเทคนิคพิเศษในการแสดงรอบพรีเมียร์ที่ชิคาโกไป ถือเป็นงานท้าทายมาก เพราะเขาต้องควักทั้งมายากลแบบคลาสสิกที่ทุกคนคุ้นเคยกัน จนไปถึงอะไรที่ล้ำหน้าไม่เคยมีใครทำมาก่อนมาใช้บนเวที

.

🪜ลองนึกภาพตัวละคร ‘Madelyn Ashton’ (รับบทโดย ‘Megan Hitly’) ถูกผลักตกจากบันไดคฤหาสน์ที่ยาวเฟื้อย จนคอบิดกระดูกหักไม่มีชิ้นดี ฟังดูแทบจะเกิดขึ้นไม่ได้จริงๆ บนเวที เพราะจะทำยังไงให้ผู้ชมเห็นภาพนักแสดงตกบันไดลงมากระดูกหักตอนถึงพื้น แต่ปรากฏว่า ถึงเวลาแสดงจริง ฉากนี้กลับกลายเป็นฉากไฮไลท์ของเรื่องไปซะได้ ขนาดที่ผู้กำกับขนานนามฉากนี้เลยว่า “เป็นโมเมนต์เดียวกับฉากโคมไฟร่วงใน The Phantom of The Opera” แต่กว่าที่ฉากนี้จะออกมาเริ่ดได้ขนาดนี้ ทีมงานก็ต้องทำงานวิเคราะห์โจทย์สุดหินกันยกใหญ่

.

‘Christopher Gattelli’ ผู้กำกับและนักออกแบบท่าเต้นของเรื่อง เล่าว่า พวกเขาได้ลองโยนหุ่นลงจากบันไดกันเป็นเดือนๆ ลองเอาลูกบอลโยคะมาใส่วิกดู หรือแม้แต่คิดจะสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาด้วยซ้ำเพื่อให้ได้ฉากนี้ แต่ทำไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่ามันยังไม่รู้สึกเป็นละครเวทีพอ ควรจะใช้คนจริงๆ ซะมากกว่า และทันใดนั้นเอง เขาก็เกิดปิ๊งนึกถึงเพื่อนของตัวเองที่เคยฝึกยิมนาสติกระดับโอลิมปิกมาด้วยกัน และเพื่อนคนนี้ยังเป็นหนึ่งในนักเต้นจากซีรีส์มิวสิคัลขึ้นชื่อ อย่าง “Schmigadoon!” ด้วย เขารีบกดโทรหา ‘Warren Yang’ ทันที

.

หลังจากการรังสรรค์ร่วมกันของทุกฝ่าย ในที่สุดฉากนี้ก็ออกมาจนได้ เป็นการตกบันไดแบบ ‘Free Fall’ ไม่มีสลิง กลิ้งจริง ม้วนจริง โดยมีเคล็ดลับคือ การรีบสลับตัวทีเผลอระหว่างนักแสดงกับ Yang โดยให้เขามาเป็นสแตนอินของตัวละคร Madelyn และเริ่มบรรเลงท่วงท่าตกบันไดเป็น Choreo แนวบัลเล่ต์ ที่ค่อยๆ ตกลงไปแบบช้าและเร็วแรงขึ้นตามดนตรี ผนวกกับเสียงฟ้าร้อง เสียงกระแทก และเสียงกระดูกหัก พร้อมแสงสีเร้าอารมณ์ไม่ให้ผู้ชมพักหายใจ ความท้าทายของฉากนี้คือ ท่าตกบันไดของ Yang นั้นยากมาก เขาจึงจำเป็นต้องฝึกฝนสแตนอินคนอื่นๆ ให้ทำท่านี้ให้ได้ เพื่อที่จะใช้ในการแสดงรอบที่เขาไม่อยู่

.

อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ถูกพูดถึงเยอะไม่แพ้กัน ก็คือ ฉากที่ตัวละคร ‘Helen Sharp’ (รับบทโดย ‘Jennifer Simard’) เปิดประตูเข้าคฤหาสน์หลังถูกยิงจังๆ ที่ท้อง พร้อมประโยคฮิต “That was rude” (ตอนเธอเข้าชิง Tony Awards ก็นำประโยคนี้มาแซว ฮ่าๆ ) เธอเข้ามาในสภาพที่ท้องมีรูโบ๋ทะลุตัวและมีควันกระสุนลอยออกมา ยังไม่พอเท่านั้น ในฉากเดียวกันเธอถูกยิงทะลุรูบนตัวด้วยหน้าไม้ และยังถูกเอาร่มเสียบต่ออีก 🕳️

.

ความลับของฉากนี้อยู่ที่ ‘ชุดเดรสสีแดงสุดแกรมของ Helen’ ซึ่งถูกออกแบบขึ้นโดย ‘Paul Tazewell’ คอสตูมดีไซน์เนอร์ ที่ล่าสุดเพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะชายผิวดำคนแรกที่ได้รับรางวัลออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม จาก “Wicked” และได้รับรางวัล Tony Awards สาขาออกแบบเครื่องแต่งกายละครเพลงยอดเยี่ยม จาก “Death Becomes Her” เองด้วย

.

กว่าจะออกมาเป็นชุดนี้ Tazewell ได้ลองหาลูกเล่นจากมายากลและเทคนิคภาพลวงตาต่างๆ มาปรับใช้ไม่น้อย ก่อนจะมาจบที่เทคนิค ‘Sleight of hand’ เทคนิคในมายากลที่เน้นโชว์กลตรงหน้าแต่ก็ต้องยังทำให้ผู้ชมไม่รู้ตัว เหมือนกับลูกเล่นของโชว์มายากลไพ่ ยังไงก็ตาม ถึงจะเล่ามาขนาดนี้ แต่เขาก็ยังขอไม่สปอยล์ความลับของชุดมะลึกกึ๊กกึ๋ยนี่ เพื่อรักษาเวทมนตร์ในเรื่องให้ผู้ชมทึ่งกันต่อไป

.

ถึงแม้รูโบ๋ที่ท้องของ Helen จะไม่ได้มองเห็นทะลุปรุโปร่งเหมือนกับในภาพยนตร์ แต่ Clothier ก็ได้เสริมฟังก์ชันพิเศษเข้าไปในเรื่อง ด้วยการให้ตัวละครสองสาวสู้กัน ยิงหน้าไม้ทะลุผ่านรูและใช้ร่มเสียบโชว์ต่อ เพื่อทำให้ผู้ชมเชื่อสนิทใจว่ามีรูอยู่บนท้องเธอจริงๆ ซึ่งเทคนิคทั้งหมดนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเทคนิคมายากลสุดคลาสสิกที่ใช้เล่นกันบ่อยๆ ในยุค 1890

.

🦉 ฉากไอคอนิกที่ใช้คอสตูมช่วยเป็นกลไกสร้างความตะลึงให้ผู้ชมยังไม่หมดเท่านี้ ยังมีฉากที่ Madelyn คอหมุนได้ 360 องศา และเผลอทำคอตัวเองร่วงลงมาอีก! Paul เล่าว่าเบื้องหลังความป่วงที่เกิดขึ้นกับคอเธอ ใช้เทคนิคการออกแบบเสื้อโค้ตให้มีโครงใหญ่ๆ เอาไว้ เพื่อนักแสดงจะได้ขยับได้ในโครงเสื้อ และสามารถทำคอร่วงหรือหมุนคอได้อย่างอิสระ

.

นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคอื่นๆ อีกมากในเรื่องที่โปรดักชันยังเก็บอุ๊บไว้เป็นความลับ ไม่ว่าจะเป็นฉากที่ Madelyn โดนฟาดจนหัวหลุดออกจากตัวและไปตั้งอยู่บนรถเข็น หรือฉากที่ ‘Ernest Menville’ (รับบทโดย ‘Christopher Sieber’) ร้องเพลงพร้อมไปกับข้าวของมีชีวิตในห้องใต้ดิน และอีกมากฉากที่ยังรอให้ผู้ชมไปพิสูจน์ความอัศจรรย์เหนือธรรมชาติด้วยตาตัวเอง

.

จากทั้งหมดนี้จะเห็นได้เลยว่า Death Becomes Her เป็นละครเวทีที่มีเอฟเฟ็กต์มายา ภาพลวงตา รวมทั้งความอันตรายในเทคนิคการแสดงอยู่เพียบ ฉะนั้น ทุกครั้งก่อนเริ่มโชว์ประมาณหนึ่งชั่วโมง นักแสดงและทีมงานทุกคนจะต้องมาซ้อมฉากสตันท์เหล่านี้ก่อนเสมอ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า พอถึงเวลาแสดงทุกอย่างจะราบรื่นและปลอดภัย นักแสดงทุกคนจะได้โล่ดแล่นบนเวทีได้เต็มที่ไร้กังวล Gattelli เล่าว่า นี่คือเป้าหมายร่วมกันของโปรดักชัน

.

สุดท้ายนี้ การที่ละครหนึ่งเรื่องจะสามารถออกมาเรียกความประทับใจจากผู้ชมได้ล้นหลาม ก็ต้องผ่านการทำงานอย่างหนัก จากทั้งจากผู้กำกับ นักแสดง และทีมงานทุกฝ่าย เพื่อให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้เกิดขึ้นจริงบนเวที ใครอยากสัมผัสประสบการณ์ชมละครที่เปี่ยมด้วยเวทมนตร์แบบนี้ ก็สามารถจับจองซื้อบัตรกันได้ เพราะตอนนี้ Death Becomes Her ยังมีรอบการแสดงอีกยาวๆ ยันปีหน้า ที่โรงละคร Lunt‑Fontanne บนบรอดเวย์ ✨

.

เรื่อง: Phakkearth (Intern)

.


ความคิดเห็น


©2023 by The Showhopper

bottom of page