ชวนดู TOSCA โอเปร่าสามองก์สุดเข้มข้นของ Giacomo Puccini กับเรื่องราวความรัก สงคราม และอุดมการณ์
- The Showhopper Team
- 19 ส.ค.
- ยาว 2 นาที

ปีนี้ Bangkok’s 27th International Festival of Dance & Music นำโอเปร่าอมตะฮอตฮิตของคีตกวีชั้นครู Giacomo Puccini มาให้ชมกันอีกครั้ง หลังจากปีที่แล้วจัดเต็มไปกับ ‘La bohème’ และ ‘Turandot’ แน่นอนว่าคราวนี้ไม่น้อยหน้า พาคณะ Samara Opera and Ballet Theatre ส่งตรงจากรัสเซียสู่กรุงเทพฯ มาพร้อมโปรดักชั่นสุดยิ่งใหญ่ นักร้องมากฝีมือล้นหลาม และออร์เคสตราสดเต็มวงอลังการ แถมยังเป็นโอเปร่าที่มีรสชาติจัดจ้านหวานซึ้งครบเครื่องไม่ซ้ำเดิม เพราะเรากำลังพูดถึงโอเปร่าเรื่อง Tosca นั่นเอง! ผลงานที่หากแฟนละครเวทีรับชมก็จะต้องเพลิดเพลินไปกับเส้นเรื่องสุดเข้มข้น และแฟนโอเปร่าเองก็ต้องมาดูให้ได้สักครั้ง ซึ่งวันนี้ The Showhopper ขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับตำนาน ‘โอเปร่าสามองก์’ เรื่องนี้กัน
.
(เช็ครอบการแสดงและสำรองที่นั่ง ทาง https://bit.ly/4ejRlTR )
.
“Tosca เหมือนเป็นการผสม Agatha Christie เข้ากับ Alfred Hitchcock พร้อมด้วยดนตรีแสนน่าทึ่ง”
.
Maida Hundeling นักร้องโซปราโนผู้เคยรับบท Tosca เคยให้สัมภาษณ์ถึงโอเปร่าเรื่องนี้ไว้ ไม่แปลกเลยที่ชื่อนักเขียนนิยายนักสืบชื่อดัง และชื่อผู้กำกับหนังระทึกขวัญระดับปรมจารย์จะโยงกับโอเปร่าเรื่องนี้ได้ เพราะ Tosca เป็นโอเปร่าที่การันตีว่าดูง่ายสุดๆ กระชับฉับไวชวนติดตามไม่ต่างจากหนังนักสืบในปัจจุบัน จนอาจเรียกได้ว่าเป็นโอเปร่าที่ "มาก่อนกาล" บอกได้เลยว่าความยาว 3 องก์ของโอเปร่าจะผ่านไปไวเหมือนดูมินิซีรีส์สุดระทึกเข้มข้น 3 ตอนรวดบนเวทีสดๆ ! แถมทางเทศกาลยังมีซับไตเติลคำบรรยายทั้งภาษาไทยและอังกฤษให้ผู้ชมตามติดระทึกใจได้อย่างมีอรรถรสตลอด 3 องก์
.
เรื่องราวทั้งหมดในโอเปร่าถูกกำหนดเวลาไว้เฉพาะเจาะจง ตั้งแต่ตัวละครตัวแรกเหยียบเท้าเข้าฉากมาตอนเที่ยงวัน จนตัวละครตัวสุดท้ายพบแสงอาทิตย์แรกแย้มในเช้าวันถัดมา เท่ากับว่าท้องเรื่องดำเนินอย่างรวดเร็วไม่ถึงหนึ่งชั่ววันด้วยซ้ำ! ทว่า ตัวละครในเรื่องต่างประสบเคราะห์ซ้ำกรรมซัดไม่ยั้งจนวินาทีสุดท้าย แต่ไม่ต้องตกใจไปหากใครคาดหวังมาชมเรื่องรักโรแมนติกหวานชื่น เพียงแค่ครั้งนี้เรื่องราวความรักจะขับเคลื่อนด้วยเบาะแสและการสืบสวนสอบสวนแสนบีบคั้นตลอดโอเปร่าเท่านั้นเอง แฟนๆ โอเปร่าหลายท่านลงมติว่า Tosca เป็นโอเปร่าแนว romantic thriller ชั้นยอด พาผู้ชมลุ้นปมรักซ่อนเงื่อนเฉือนคมการเมืองตั้งแต่ดนตรีคอร์ดแรกเริ่มบรรเลงเลยทีเดียว!
.
ไม่ต้องบอกก็คงเดากันได้ว่าดนตรีของ Puccini อุดมไปด้วยท่วงทำนองไพเราะกินใจ ไฮไลต์ของค่ำคืนคงหนีไม่พ้นอาเรียอันเลื่องชื่อของนางเอกอย่าง “Vissi d’arte” ที่ตัดพ้อต่อพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างสะเทือนอารมณ์ และอาเรียส่งท้ายของพระเอก “E lucevan le stelle” ที่พรรณนาวันวานหอมหวานได้จนคนดูแทบน้ำตารินตามไปด้วย เป็นใครก็ยากจะปฎิเสธว่า Puccini รู้จัก “เล่นกับความรู้สึก” คนดูได้เป็นเลิศ สลับระหว่างดนตรีหวานซึ้งเข้ากับดนตรีเร้าอารมณ์ชวนระทึกอย่างแนบเนียน ล่อให้ผู้ชมลุ้นตัวโก่งจนต้องเกาะขอบเก้าอี้ไว้แน่นแทบทั้งเรื่อง! แต่ถึงตรงนี้ต้องกระซิบก่อนว่าโอเปร่า Tosca มีสูตรความสำเร็จการันตีมาเสร็จสรรพ
.
เพราะ Puccini ได้ชมละครพูดน้ำดีของตัวพ่อนักการละครชาวฝรั่งเศส Victorien Sardou เรื่อง La Tosca ที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลีเมื่อปี 1895 และเล็งเห็นถึงโอกาสทองในการนำละครรักโรแมนติกระทึกขวัญอันเป็นที่นิยมชมชอบทั่วยุโรป มาดัดแปลงเป็นโอเปร่าของตัวเอง แม้จะปาเข้าไปสิบสี่วันหลังเข้าศตวรรษใหม่ในปี 1900 กว่า Tosca ฉบับโอเปร่าของ Puccini จะสมบูรณ์และได้แสดงต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก ณ กรุงโรม
.
ว่าแต่โอเปร่าเรื่อง Tosca เกี่ยวกับอะไรกันแน่?
.
แน่นอนว่า Tosca หนีไม่พ้นเรื่องราวความรักของหนุ่มสาว แถมเกิดในเมืองโรแมนติกอย่างกรุงโรมอีกด้วย นับว่าไม่ธรรมดาเลยที่ Puccini สนใจเขียนโอเปร่าที่เรื่องเกิดในประเทศตัวเอง แถมแสดงครั้งแรกในกรุงโรมเองอีกด้วย ปกติแล้วฉากหลังของโอเปร่าที่ Puccini เขียนจะเป็นต่างแดนเสมอ! ความใกล้ตัวนี้จึงมีความพิเศษเฉพาะตัว เช่นเดียวกับคู่รักใน Tosca ที่ไม่ธรรมดาทั่วไป เพราะ “Tosca” นางเอกของเราเป็นถึง “ดาราโอเปร่า” ทำให้ใครๆ ที่เล่นบทนี้ เสมือนได้แสดงเป็นตนเองไปโดยปริยาย ซึ่งในครั้งนี้ ผู้รับบทดีว่าตัวแม่ก็คือศิลปินมากฝีมือของรัสเซีย Tatiana Larina เจ้าของตำแหน่งศิลปินเกียรติยศแห่งแคว้น Samara ในรัสเซียนั่นเอง ส่วน Mario พระเอกคนรักของ Tosca เป็นจิตรกรนักปฎิวัติที่ยึดมั่นในอุดมการณ์เข้มข้น เรียกได้ว่าเป็นคู่พระ-นางสายศิลป์สุดติสต์โดยแท้ ทว่า รักหวานชื่นของศิลปินสองแขนงต้องแตกระแหงด้วยสภาพบ้านเมืองที่กำลังสั่นคลอนในปี 1800
.
ประวัติศาสตร์เป็นหมากสำคัญใน Tosca เพราะเราอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ราชวงศ์บูร์บงเพิ่งกลับมาเรืองอำนาจในโรม ตำรวจจึงได้อำนาจเต็มใบในการรับมือกับพวกฝักใฝ่สาธารณรัฐ ท่ามกลางสงครามที่ต่างฝ่ายต่างสับขาหลอกกันด้วย “fake news” ตัวแปรสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ในสมการคือ Scarpia อธิบดีกรมตำรวจจอมฉ้อฉลที่อาศัยการปราบปรามศัตรูทางการเมืองเป็นฉากบังตัณหาตนเอง ข่าวสารการสงครามถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรองมัดตัวดาราสาว Tosca มาครอบครอง คงไม่ต้องบอกว่าพระเอก Mario ของเรามีอุดมการณ์หนุนฝ่ายไหน เพราะแฟนสาวของเขากลับเป็นผู้กุมชะตาเขาในกำมือเสียเองโดยไม่ได้ตั้งใจ!
.
พูดถึงตัวละครหลักทั้งสามที่พาให้เกิดเป็นรักสามเส้าไปแล้ว ถึงเวลาต้องพูดถึงสามสถานที่ในเรื่องที่พาให้สามองก์ที่ถูกแบ่งเสมือนมินิซีรีส์สามตอนสัมฤทธิ์ผล ‘สถานที่’ เป็นกุญแจสำคัญของโอเปร่า Tosca เพราะสามสถานที่ล้วนผ่านการคิดมาอย่างสมจริง อยู่ในพิกัดระยะเดินที่ไปมาหาสู่กันได้ไม่ยาก ชวนให้ผู้ชมเชื่อว่าการเดินทางสามารถเกิดขึ้นได้จริงทั้งหมด จากสถานที่แรกไปสถานที่สองและสามภายในเวลากระชั้นชิดเฉียดเส้นตาย นอกจากนี้ ทุกที่ยังเป็นสถานที่จริงในประวัติศาสตร์อีกด้วย หลายแห่งยังคงเข้าชมได้ในปัจจุบัน
.
โอเปร่าเลือกเปิดด้วยโมเมนต์สุดตื่นเต้น เมื่อนักโทษการเมืองแหกคุกมาพึ่งใบบุญในโบสถ์ Sant’Andrea della Valle ใจกลางกรุงโรม ประจวบเหมาะกับที่ Mario เพื่อนร่วมอุดมการณ์สาธารณรัฐเป็นจิตรกรในโบสถ์แห่งนี้พอดี การเกื้อกูลกันของทั้งสองจึงเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะวายป่วง นำมาซึ่งความเข้าใจผิดและความหึงหวงของแฟนสาวเลือดร้อนอย่าง Tosca เกมอารมณ์ถูกวางหมากไว้อย่างแยบยลโดยวายร้าย Scarpia เขาปิดท้ายองก์หนึ่งโดยส่งลูกสมุนให้ตามติด Tosca ออกไปจากโบสถ์ เพราะทราบดีว่าเธอเป็นจีพีเอสชั้นดีที่จะนำไปพบแฟนหนุ่มที่ช่วยนักโทษอย่างแน่นอน เป็นการทิ้งท้ายให้ลุ้นกับชะตากรรมตัวเอกได้ดีเยี่ยม
.
สถานที่ต่อมาเมื่อองก์สองเริ่มต้นก็คือห้องไต่สวนสุดหรูของ Scarpia ใน Palazzo Farnese หรือที่ทำการของกรมตำรวจนั่นเอง ความอึดอัดทวีคูณขึ้นเมื่อทั้งพระ-นางต้องมาให้ปากคำเกี่ยวกับนักโทษการเมืองเจ้าปัญหา ชีวิตส่วนตนหรืออุดมการณ์จะแข็งกร้าวกว่ากัน ความรักระหว่างศิลปินยังจะมั่นคงยั่งยืนหรือไม่ โอเปร่าเรื่อง Tosca ชวนเราตั้งคำถามนานากับความเป็นมนุษย์เมื่อต้องเจอกับสถานการณ์คับขัน ส่วนผลการบีบคั้นของอธิบดีกรมตำรวจจอมวายร้ายจะทำให้ Tosca ยอมจำนนต่อแรงราคะของเขาหรือไม่ คงต้องไปลุ้นกันสดๆ กับออร์เคสตราเต็มวงถึงจะเร้าใจถึงเครื่อง! บอกได้เพียงแค่ว่าเป็นการปิดองก์สองที่สะพรึงชวนตะลึงทีเดียว!
.
และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด สถานที่สุดท้ายอันยิ่งใหญ่ปิดท้ายองก์สาม เป็นเสมือนการกลับมาที่ต้นตอของวังวนทั้งหมด เพราะที่แห่งนี้คือแดนประหาร หรือ Castel Sant’Angelo ปราสาทที่คุมขังนักโทษการเมือง สถานที่ที่นักโทษต้นเรื่องแหกคุกออกมานั่นเอง แต่คราวนี้ถึงตา Mario ที่รอเวลาถูกปลิดชีพที่ยอดปราสาทยามรุ่งสาง Tosca จะช่วยชีวิตคนรักไว้ได้หรือไม่ กลลวงพาตัวละครมากหน้าหลายตาหลงกันอลเวง แม้หยดสุดท้ายของโอเปร่าก็ยังไม่วาย ทิ้งโอกาสให้ลุ้นว่าใครจะพลิกเกมอีกหรือไม่ คนตายอาจจะยังมีพิษสงไม่แคล้วก็เป็นได้!
.
สำหรับใครที่ไม่เคยรับชม Tosca มาก่อน ต้องบอกเลยว่าประสบการณ์ครั้งนี้จะเป็นอะไรที่สนุกชวนลุ้นไม่แพ้หนังรักระทึกขวัญในปัจจุบันเลยทีเดียว แถมยังเด็ดดวงกว่าซีรีส์ภาพยนตร์บนหน้าจอด้วยซ้ำ เพราะนักร้องนักแสดงระดับโลกจะโชว์สกิลการแสดงผนวกพลังเสียงทรงพลังให้เราได้ตราตรึงกันตรงหน้าสดๆ บนเวทีเสมือนเราเป็นผู้ร่วมสมคบคิดกับเงื่อนปมที่ค่อยๆ ลอกคราบตลอดสามองก์ รับรองว่าเร้าใจกว่าหนังระบบ 4DX เรื่องไหนๆ! แม้เวลาจะผ่านมากว่า 125 ปีตั้งแต่ Puccini พาโอเปร่า Tosca ออกสู่สายตาชาวโลกเป็นครั้งแรก นับจากนั้นมาจนวันนี้โอเปร่า Tosca ก็ไม่เคยขาดสายหายไปไหนเลย เป็นโอกาสของเราแล้วที่จะได้พิสูจน์ความเป็นอมตะของโอเปร่าเรื่องนี้กับตาตนเองในวันที่ 7 ตุลาคม ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย!
.
”TOSCA”
.
การแสดงรอบเดียวเท่านั้น!
วันอังคารที่ 7 ตุลาคม 2568 เวลา 19.00 น.
ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
.
สำรองที่นั่งและอ่ายรายละเอียดการแสดงทั้งหมดทาง Thaiticketmajor หรือคลิก https://bit.ly/4ejRlTR
.
#TheShowhopper #BehindTheScenes #BangkokFestivals #BKKFEST #มหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติกรุงเทพ #โอเปร่า














ความคิดเห็น