ซับซ้อน ร้อนรุ่ม ชุ่มฉ่ำ ด่ำดื่ม ชวนลิ้มรสชาติชวนฝัน สไตล์ Luca Guadagnino

ไม่ใช่แค่เพียงหนึ่งใน ‘ผู้กำกับเควียร์’ ที่น่าจับตามองที่สุด แต่คือหนึ่งใน ‘ผู้กำกับ’ ที่น่าจับตามองที่สุดแห่งยุค ด้วยผลงานภาพยนตร์ฉากสวยบาดจิต บทคมบาดใจ และแก่นเรื่องสดใหม่ไม่ธรรมดา

.

ชื่อของเขาคือ ลูกา กัวดาญีโน (Luca Guadagnino)

.

ช่วงไม่กี่ปีมานี้ หนังรักรสหวานปนขมของกัวดาญีโนกลายมาเป็นตัวแปรหลักที่ขับเคลื่อนวัฒนธรรมป็อปและเซ็ตเทรนด์มากมายในวงการภาพยนตร์ อย่างที่ผู้กำกับน้อยคนจะทำได้ ฉากในหนังของเขาปรากฏตามมู้ดบอร์ดพินเทอเรสต์ของช่างภาพทั่วโลก ส่วนชื่อของเขากลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของความ ‘เทสต์ดี’ ไปโดยปริยาย

.

และหากถามว่าส่วนผสมอันโดดเด่นและลงตัวในผลงานของเขาคืออะไร นอกเหนือจากเสน่ห์เย้ายวนของเซ็ตติ้งเมืองริมน้ำอากาศอุ่นและความลุ่มลึกในการถ่ายทอดแรงปรารถนาของตัวละคร อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนตกหลุมรักหนังรักของกัวดาญีโน หนีไม่พ้นการจัดองค์ประกอบภาพและการจัดแสงอันยอดเยี่ยม

.

กัวดาญีโนนั้นโด่งดังเรื่องกระบวนการทำงานร่วมกับผู้กำกับภาพที่เป็นไปอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคุณสอง สยมภู มุกดีพร้อม ผู้กำกับภาพชาวไทยที่ร่วมงานกับกัวดาญีโนมาแล้วถึง 5 ครั้ง ที่เขาทำงานเช่นนี้ก็เพื่อให้มั่นใจว่าองค์ประกอบย่อย ทั้งแสง สี คอมโพซิชั่น หรือการมิกซ์เสียงนั้นสามารถช่วยซัพพอร์ตลำดับเรื่องให้แข็งแรงขึ้นได้เป็นอย่างดี

📌 แสงธรรมชาติใน Call Me By Your Name

ความงามของหนังรักเควียร์อันดับหนึ่งประจำทศวรรษ 2010 เรื่องนี้ เป็นความงามที่ถูกขับเน้นโดยแสงธรรมชาติแทบทั้งเรื่อง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าฉากสวยๆ บ่มประกายแดดอุ่นที่เราเห็นในเรื่องนี้อาศัยแสงไฟสังเคราะห์น้อยมาก ผลลัพธ์คือความใกล้ชิดของตัวละครเองก็ยิ่งถ่ายทอดออกมาได้ดูใสซื่อ ไม่ปรุงแต่งพอๆ กัน

📌 แสงสีฉูดฉาดและดนตรีบิ๊วอารมณ์ใน Challengers

ว่ากันว่าเป็นภาพยนตร์ที่เซ็กซี่ที่สุดแห่งปีทีเดียว และแน่นอนว่าวิธีการจัดแสงก็ปรับเปลี่ยนให้เซ็กซี่ไปตามเนื้อเรื่องด้วย เนื่องจากหัวใจสำคัญของหนังรักหลายเส้าอย่าง Challengers มักเป็นธีมที่เกี่ยวกับการของการแข่งขันยิ่งชิง เขาจึงไม่เอาแต่ไปยึดติดกับสไตล์ธรรมชาติแบบเดิมที่เคยประสบความสำเร็จก่อนมาก่อน แต่กลับคิดจัดองค์ประกอบแสง สี เสียง และมุมมองให้ดูตื่นเต้นเหนือจริงเพื่อบิ๊วอารมณ์คนดูไปสู่จุดไคลแมกซ์

📌 แบ็กดร็อปสไตล์หนังยุคเก่าใน Queer

ปิดท้ายด้วยหนังพีเรียดที่อาศัยความสร้างสรรค์ในการหล่อหลอมบรรยากาศของหนังให้คล้ายกับภาพเขียนสีน้ำมันที่หลุดมาจากยุคของผู้ประพันธ์นิยายเรื่อง Queer ในยุค 50 จริงๆ นำมาซึ่งไอเดียเรื่องการใช้แบ็กดร็อปภาพวาดที่ดูสวยงามเป็นเอกลักษณ์ มาแทนการหาโลเคชั่นไว้ใช้เป็นฉากหลังเสมือนจริง ดังที่เราได้เห็นกัน 

.

สำหรับกัวดาญีโน Queer ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเล่าพล็อตที่ยอดเยี่ยมเปลี่ยนโลก แต่เพื่อสะท้อนอารมณ์โหยหารุนแรงที่ถูกปิดกั้นอันเป็นเอกลักษณ์ของชีวิตเกย์ในยุคที่สังคมยังไม่เปิดกว้าง นักแสดงนำอย่าง แดเนียล เครกและดรูว์ สตาร์คีย์ จึงต้องทำการบ้านกับนักออกแบบและกำกับท่า (choreographer) อย่างหนัก เพื่อให้การแสดงของพวกเขาสื่ออารมณ์ดังกล่าวได้จริงๆ นอกจากนี้หนังเรื่องนี้ยังใช้เทคนิค CGI เข้ามาช่วย เพื่อที่นักแสดงจะได้ไม่ถูกข้อจำกัดด้านตำแหน่งการยืนและทิศทางการหันหน้าลดทอนศักยภาพในการแสดง

.

ที่มา:

https://www.indiewire.com/features/interviews/queer-behind-the-scenes-shot-on-soundstage-1235073083/

https://www.anothermag.com/design-living/15591/a-guide-to-the-films-of-luca-guadagnino-challengers-call-me-by-your-name

https://www.anothermag.com/design-living/15591/a-guide-to-the-films-of-luca-guadagnino-challengers-call-me-by-your-name 

.

เครดิตภาพ: Sony Pictures Classics, Warner Bros. Pictures และ A24 

.

#TheShowhopper #BehindTheScenes #LucaGuadagnino #Pride #Movies #LGBTQ #CallMeByYourName #ChallengersMovie #QueerMovie